วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เบื้องหน้าเบื้องหลังโหรวารินทร์ โหรทหาร-การเมือง

หมวดข่าว : สัมภาษณ์พิเศษ

หนังสือ ลับ ลวง พราง ภาคพิสดาร ซึ่งเป็นหนังสือการกุศล ที่มอบรายได้ให้ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาพระวิหาร และ สมทบทุนสร้างพุทธมณฑลล้านนา จ.เชียงใหม่ ยังสัมภาษณ์เปิดใจ อาจารย์ วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช. ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง การรู้จักกับ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม รวมทั้ง นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เจ้าสัวคอมลิ้งค์ ที่ต่อมากลายเป็นศิษย์เอก และทำให้ อาจารย์วารินทร์ กลายเป็น โหรประจำเตรียมทหารรุ่น 6 และ ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จนถึงเป็น โหร คมช.

“ พล.ท.สมศักดิ์ ชุติมันต์ เป็นคนที่ทำให้ผมได้รู้จักกับ พี่แดง พล.อ.สุภาษิต วรศาสตร์ ที่ตอนนั้นยังเป็นพลตรี ที่ได้พาผมไปพบ กับ พล.อ.ประวิตร ตอนนั้น ยังเป็น พลโท ประจำ ถูกแขวนอยู่ ” อาจารย์ วารินทร์ กล่าว

พร้อมเล่าย้อนถึงการไปทำนายดวงชะตาให้ พล.อ.ประวิตร ด้วยว่า ผมมาถึง ผมไปนั่ง ตอนนั้นดูท่านไม่เชื่อผมนะ เพราะผมยังดูยังอ่อนและเด็กๆ ผมนั่งคุยกับท่าน ท่านก็นั่งมองผมเหมือนไม่มีความเชื่อถือ ผมก็นั่งตั้งจิต แล้วบอกว่า จะขึ้นไปเชียงใหม่อาทิตย์หน้านี้ไม่ใช่หรือ ก็ขึ้นไปหาซิ ไม่อยากจะพูด ท่านตกใจเปิดลิ้นชัก เอาหนังสือฉบับหนึ่งมา ผมเพิ่งได้มาเดี๋ยวนี้ ท่านรู้ได้ยังไงว่าผมจะขึ้นเชียงใหม่ จากนั้น เมื่อ พล.อ.ประวิตร ขึ้นมาที่ จ.เชียงใหม่ ก็มาหา อาจารย์ วารินทร์ ที่บ้านหลังเดิม ที่หน้ากองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 อ.แม่ริม

“ ตอนนั้นผมแนะนำไปท่านไปทำบุญแก้กรรม ” อาจารย์ วารินทร์ กล่าว อาจารย์ วารินทร์ เล่าว่า ในปี 2543 พล.อ.ประวิตร มานั่งคุย เพื่อให้เปิดฐานบุญ ตอนนั้นผมเรียกท่านแม่ทัพ แล้วท่านก็ได้เป็นแม่ทัพจริงๆ เป็นแม่ทัพภาค 1 หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร นายทหารโสดสนิท ขึ้นเป็นแม่ทัพภาค 1 แล้ว ก็ได้ขึ้นเป็น พลเอก ในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.

“ ท่านประวิตร มาหาผม มานั่งคุย แล้วผมบอก ท่านประวิตร ว่า ให้ทำพิธีต่อบุญตรงนี้ ท่านจะได้เป็น ผบ.ทบ. ท่าน ประวิตร นั่ง แล้วก็บอกว่า อาจารย์พูดผิดแล้ว รู้ไหมใครอยู่ข้างบนผม พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ชินวัตร ใครจะย้ายได้ น้องชายเป็นนายกฯ ผมบอกว่า ให้รอดู ”

อาจารย์ วารินทร์ กล่าว โดยได้แนะนำให้ พล.อ.ประวิตร ทำบุญถวายหลวงปู่ฤาษีเกวาลัน หาเงินเข้าวัด “ ท่านประวิตร ก็นั่ง แล้วบอกผมว่า ถ้าได้เป็นจริง อาจารย์เอาอะไร ผมยอม ผมว่าเออ ไม่ต้องยอม ได้อยู่แล้ว ”

อาจารย์ วารินทร์ เล่า “ ความจริง ท่านประวิตร ก็ไม่หวัง แค่อาทิตย์เดียว ท่านก็โทรมา บอกว่า อาจารย์ ชัยสิทธิ์ มีปัญหา ผมมีสิทธิ์ไหม อ้าว...ผมก็บอก แล้วไงว่า จะเป็น ผบ.ทบ. ท่านประวิตร บอกว่า ขอให้ได้เถอะ ท่านก็ไปทำนั่นทำนี่ ตั้งกองกฐิน ที่สุด คำสั่งออก ท่าน ประวิตร ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ที่ทำให้ทุกคนฮือฮา ผมไปหาท่านที่ บก.ทบ. ผมเดินเข้าไปที่ห้องทำงานท่าน และแสดงความยินดี โดยผมเอาองค์พญาครุฑไปให้ท่าน ด้วย ” อาจารย์ วาริ นทร์ เล่าอย่างภาคภูมิใจ “ ผมไปที่โต๊ะทำงาน ผบ.ทบ. แล้วบอก ท่านประวิตร ว่า ผมเห็นก่อนที่ท่านจะมานั่งเสียอีก ท่านหัวเราะ ผมมาแค่ยินดี แล้วก็กลับ ”

อาจารย์ วารินทร์ ตบท้าย รวมทั้งเคยทำนายด้วยว่า พล.อ.ประวิตร จะได้เป็น รมว.กลาโหม มาแล้วหลายครั้ง แต่เพิ่งจะมาเป็นจริง ก็ตอนรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ นี่เอง ด้วยเพราะฐานบุญเพิ่งถึง หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร ได้ไปทำพิธีบางอย่างเพิ่มเติม เพราะทุกวันนี้ อาจารย์ วารินทร์ กับ พล.อ.ประวิตร ก็ยังสายตรงกันถึงตลอด

ส่วนความสัมพันธ์กับ พล.อ.สนธิ นั้น อาจารย์วารินทร์ เล่าว่า ป้าหล้า นางปิยะดา บุญยรัตกลิน ภริยา และ พล.อ.ปมุข อุทัยฉาย เป็นคนนำพามา “ ตอนที่ ท่านสนธิ เข้ามาหาผม ผมนั่งดูผมเห็นอะไร หลวงปู่ฯบอกผมว่า นี่ไม่ใช่พุทธ นะ ผมก็ดูว่า ท่านมาทำไม ท่านบอกจะมาดูดวง พี่หล้าพามา ผมก็นั่งมอง ท่านทำบุญไมได้ ทุกศาสนาสอนให้ทำบุญ ผมก็สนับสนุนทุกคนให้ทำบุญอยู่แล้ว ผมก็แนะนำท่าน เป็นเรื่องๆๆๆ แล้วก็คุยกัน ผมก็ว่าท่านต้องปฏิบัติอันนั้น แก้นั้นแก้นี่ พี่หล้าก็ไปทำ ”

อาจารย์ วารินทร์ กล่าว “ เวลานั้น ท่านสนธิ เป็นรอง ผบ. นสศ. แต่เป็นแค่ รองคนที่ 3 ส่วน พล.ต.สุรพงษ์ อุทัยฉาย เป็นรองผบ.นสศ.เป็นรอง 1 ก็ลุ้นจะเป็น ผบ.นสศ.อยู่ ”

“ เสร็จแล้ว ท่านโทรมาหาผม บอกว่า อาจารย์ชื่อผมไม่มี ผมก็ยืนยัน บอกท่านเป็น ผบ.นสศ. หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ คำสั่งออกมาตูม ท่านสนธิ เป็น ผบ.นสศ. ทุกคนงง ว่ามาได้ยังไง ท่านปัฐวาท (ศรีสุขวงศ์ แห่ง คอมลิ้งค์) ยังยิ้ม แล้วบอกว่า บังได้ขึ้น ผมไม่ได้พูดอะไรมาก ”

อาจารย์ วารินทร์ เล่า ต่อมา อาจารย์ วารินทร์ เล่าว่า เมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก ในกรุงเทพฯ เพื่อแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประวิตร ที่ได้เป็น ผบ.ทบ. นั้น ส่วน พล.อ.สนธิ ได้ขึ้นจาก ผบ.นสศ. เป็น พลเอก ในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.

“ ขากลับ ผมไปเดินพบ ท่านสนธิ เห็นท่านแต่งชุดขาว ผมก็เข้าไปจับมือ ผมบอกว่า ปีหน้าท่านมา ท่านสนธิ จับมือ หัวเราะแหะๆๆ ผมว่าปีหน้า แน่นอน ผมก็เดินออกมา ท่านสนธิ ก็มาส่งผม ”

“ วันที่แตะบ่าเป็นพลเอก เป็น ผช.ผบ.ทบ. แล้วเดินออกมา ตอนที่ผมเห็นท่าน สนธิ ผมบอกว่า ท่านเป็นทหารของพระเจ้าตากสินฯ ความจริงผมเห็นภาพนี้ ตั้งแต่ ท่านเป็น ผบ.นสศ.แล้ว แต่ผมยังไม่กล้าเล่าให้ฟังเพราะผลยังไม่ออก แต่ต่อมาผมบอกว่า ท่านเป็นทหารเอก แล้วจะได้ช่วยเหมือนกับกู้ชาติ ท่านสนธิ หัวเราะ แล้วบอกว่า จะกู้ยังไงก็ชาติเรายังมีอยู่ ”

อาจารย์ วารินทร์ ยังเปิดปมที่ทำให้ พล.อ.สนธิ และ พล.อ.ประวิตร ที่แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท. 6 แต่ก็เกิดความบาดหมางกันจนถึงปัจจุบัน อันเป็นข้อมูลที่รู้จากหมอดู เช่น การที่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ต้องการให้ พล.อ.สนธิ เป็น ผบ.ทบ.ต่อจากตนเอง แต่เสนอชื่อ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เพื่อนอีกคน เมื่อครั้งที่ พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ. แล้วจะเกษียณราชการ “ ท่าน ประวิตร มานั่ง แล้วถามผมว่า อาจารย์ ใครจะเป็นต่อผม ผมว่า ท่านสนธิ ท่านประวิตร บอกว่า ผมจะส่งชื่อ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ มีบุญสร้าง เหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.คงจะได้เป็น ผบ.สส.ในอนาคต ผมบอก สนธิได้ ผมบอกว่าสนธิได้ ”

อาจารย์ วารินทร์ เล่าด้วยว่า ในช่วงนั้น มีชื่อ บิ๊กอู้ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช จะเป็น ผบ.ทบ. “ พอข่าวออกมา ท่านสนธิ โทรมาหาผม บอกว่าผมคงไม่ได้หรอก เขาส่งชื่อ เลิศรัตน์ไปแล้ว ผมบอก เลิศรัตน์ ไม่ได้ คอยดู ” อาจารย์ วารินทร์ ทำนายในเวลานั้น “ พอส่งรายชื่อขึ้นไป ท่านถามว่าไม่มีใครแล้วหรือ ท่าน ประวิตรบอกว่ามี แต่เป็นอิสลาม ไหนเอามาดูสิ ท่านบอกเออ อิสลามก็ยิ่งดี นายกฯก็อยู่ ก็ต้องเอาสนธิ ท่านสนธิ ถึงบอกว่า คนตั้งผมไม่ใช่นายกฯ แต่เป็น...ตั้ง ”

เมื่อประกาศโผแต่งตั้งออกมา พล.อ.สนธิ ได้เป็น ผบ.ทบ.เรียบร้อยแล้ว “ ท่านสนธิ โทรมาบอกผมเองเลยว่า อาจารย์ผมได้เป็นผบ.ทบ.แล้ว ” จากนั้น สิ่งที่อาจารย์ วารินทร์ จำได้ดีก็คือ คำพูดของ พล.อ.สนธิ “ ผมและครอบครัว ยังเหมือนเดิมกับอาจารย์ ในประเทศไทยอาจารย์มีเรื่องอะไรบอกผมได้ ผมถอยมาก้าวหนึ่งท่านเดินเข้ามาหาผมสองก้าว ”

รวมทั้งเบื้องหลัง การเป็น ผบ.ทร. ของ บิ๊กอุ๊ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ที่ในช่วงเวลานั้น อาจารย์ วารินทร์ ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพบกับ พล.อ.สนธิ ที่ในเวลานั้น ยังได้พบกับ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เพื่อน ตท. 6 ของ พล.อ.สนธิ ด้วย ที่ตอนนั้นยังเป็น รองผบ.สส. ที่ถูกเตะออกมาจากกองทัพเรือ “ ท่านสถิรพันธุ์เดินมา ผมนั่งมอง รองผบ.สส. ท่านบอกว่า อยากเป็น ผบ.ทร. ท่านพูดตรงๆ ผมก็บอกไปทำตรงนั้นตรงนี้ ให้ลูกชายไปบวช พอฐานบุญเปิดแล้ว ผมก็แสดงความยินดีกับท่าน ว่าได้เป็นแน่ ในช่วงนั้น พี่ติ๋ว (พรเพ็ญ ภริยา พล.ร.อ.สถิรพันธุ์) โทรหาผมตลอด บอกอาจารย์ชื่อหลุดแล้ว ผมบอกว่าไม่หลุด ให้ไปเติมบุญ ไปทำบุญตรงนั้น แล้วคำสั่งออก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ข้ามห้วยกลับมาเป็น ผบ.ทร. ” อาจารย์ วารินทร์ เผยความลับ

ไม่แค่นั้น อาจารย์ วารินทร์ ยังเคยดูดวงชะตาให้กับ บิ๊กต๋อย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ว่าจะได้เป็น ผบ.ทอ.ด้วย ที่สำคัญ แคนดิเดทในเวลานั้น ต่างวิ่งเข้าหา โหรผู้นี้กันหมด ในช่วงนั้น ทั้ง พล.อ.อ.ระเด่น พึ่งพักตร์ และ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี มาให้ดูดวงชะตาให้ “ ตอนนั้นผมบอก ท่านระเด่น พึ่งพักตร์ มีปัญหา ส่วน ท่าน ธเรศ ปุณศรี ผมนั่งดู ไม่ได้ทั้งสองคน กลายเป็น ท่านชลิต ”

แต่ทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนว่า อาจารย์ วารินทร์ มีความรู้จักสนิทสนมใกล้ชิด และเป็นที่ปรึกษาด้านโหราศาสตร์ให้กับ นายทหารแห่ง ตท. 6 มานานแล้ว จึงไม่แปลกที่ เมื่อ ตท. 6 จะก่อการยึดอำนาจ อาจารย์ วารินทร์ ก็ต้องคอยตรวจเรื่องดวงชะตาให้ แล้วกลายเป็น โหร คมช. ในที่สุด.. รวมทั้งเบื้องหลังการหาฤกษ์ปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 จากปาก โหรวารินทร์ ที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างละเอียดยิบที่ไหนมาก่อน “ ตอนเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ ผมมองเห็นการปฏิวัติ แล้วผมก็โทรคุยกับ พล.อ.สนธิ ผมบอกว่าที่ผมพูดเรื่องท่านเคยเป็น ทหารเอก ของพระเจ้าตากสินฯ เป็นเรื่องจริง ต้องกู้ชาติ ท่าน สนธิ บอก ผมคนเดียวไปทำอะไรได้ แต่ผมบอกว่า ผมเห็นภาพ มันเป็นทหาร ผมพูดแล้ว ท่านบอกว่า คอยดู ”

ในเวลานั้น พล.อ.สนธิ มีแนวคิดที่จะก่อการยึดอำนาจอยู่บ้างแล้ว “ ผมนั่งคุยกับท่าน สนธิหลายครั้ง ท่านบอกว่า โทษประหาร เป็นกบฏนะ แต่ผมบอกว่า ผมเห็นท่านปฏิวัติ ท่านมองหน้าผมยิ้มๆ บอกว่าดูๆไป ” อาจารย์ วารินทร์ เล่า

ในช่วงนั้น พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ก็มาหา อาจารย์ วารินทร์ “ ท่านชลิตมาหาผม ผมบอกว่า ท่านเตรียมตัว ผมเห็นการปฏิวัติของ พล.อ.สนธิ ท่าน ชลิต ยังบอกว่า ถ้า พี่ธิ เอา ผมเอา ผมเต็มร้อย ” อาจารย์ วารินทร์ เล่าเบื้องหลัง “ ผมถามว่า บอก พล.ต.อ.โกวิท (วัฒนะ ผบ.ตร.) หรือยัง ท่านสนธิ บอกว่า ผมได้แต่คุย แต่ไมมีโอกาส ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ เราเอามันก็เอา ท่านสนธิ ว่า ”

อาจารย์ วารินทร์ เล่าด้วยว่า ก่อนหน้านั้น ป้าหล้า นางปิยะดา บุญยรัตกลิน ภริยา จะเดินทางไปประเทศจีน ที่สำคัญ เป็นช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ เดินทางไปต่างประเทศ “ ท่านสนธิ โทรมาถามอีกว่า ช่วงนี้ดีไหม อาจารย์ยังเห็นภาพเดิมหรือเปล่า ผมบอกผมเห็นผมเห็น และบอกว่าไม่จำเป็น อาจารย์ ก็อย่าเพิ่งลงมา กรุงเทพฯ ”

แต่ทว่า ในวันที่ 18 ก.ย. 2549 อาจารย์ วารินทร์ คงตื่นเต้นและลุ้นไม่น้อย อยากที่จะมาช่วยอย่างใกล้ชิด จึงได้เดินทางมากรุงเทพฯ ในหนังสือเล่มนี้ ยังเปิดเผย เบื้องหลังการตั้งพรรครักชาติ ที่เคยถูกมองว่าเป็น พรรค คมช. ซึ่งมี อาจารย์ วารินทร์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกับ พล.อ.สนธิ และ ร.อ.ขจิต หัพนานนท์ ลูกศิษย์ แต่ที่สุดก็ต้องล้มเหลว

นอกจากนี้ ยังมีเรื่อง ดวงชะตาของ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่มีบุญบารมีถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จากหมอดูหลายคน รวมทั้ง โหรเก่งกาจ จงใจพระ อดีตโหร รสช. และ อ.วารินทร์ ระบุว่า ในชาติก่อนก็คือ ทหารเอกพระเจ้าตากสินฯ และ แผนการดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ.ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ค้ำราชบัลลังก์ เพื่อเตรียมรับวิกฤติในอนาคตอันใกล้ และเสียงทักท้วง เรื่องอาถรรพ์ เก้าอี้ ผบ.ทบ. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องระวัง

“ลับ ลวง พราง ภาคพิสดาร” : “ทักษิณ-สนธิ ลิ้ม” ดิจิตอลขมังเวทย์

หมวดข่าว : วิเคราะห์

วาสนา นาน่วม เขียนหนังสือการกุศลเพื่อทหาร ชายแดนภาคใต้ เขาพระวิหาร และสมทบทุนสร้างพุทธมณฑลล้านนา จ.เชียงใหม่ ชื่อ "ลับ ลวง พราง ภาค" โดยได้ ขนานนาม "ทักษิณ-สนธิ ลิ้ม ดิจิตอลขมังเวทย์ และบทบาท "หมอผีเขมร ของ เนวิน ก่อนเนรคุณ "นาย" หนังสือนี้ยังได้เปิดปมสงครามไสยศาสตร์-ความเชื่อ / "ทักษิณ-ตากสิน" กับข้อหานิยมประธานาธิบดี-ล้มล้างระบอบ โยงความเชื่อ ชาติภพก่อน "พระเจ้าตากสิน "/เบื้องหลังการปฏิวัติ ล้มระบอบทักษิณ พิธีกรรมที่วัดอรุณฯ-ดอยสุเทพฯ/เปิดการล้มแผนแก้กรรม-สะเดาะเคราะห์ของ "ทักษิณ ก่อนกลายเป็นผู้ร้ายถูกออกหมายจับ

ในหนังสือที่มีจำนวน 303 หน้า จำนวน 35 ตอน

หนังสือ “ ลับ ลวง พราง ภาคพิสดาร ” ไสยศาสตร์ปฏิวัติ อวิชชาธิปไตย ” เปิดปมมนต์ดำสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องโดนปฏิวัติล้มล้างอำนาจ นอกจากพฤติกรรมเหลิงอำนาจ และวางตัวไม่เหมาะสมแล้ว ยังมีสาเหตุหนึ่งมาจากความเชื่อที่ว่า เขาคือ พระเจ้าตากสินฯ กลับชาติมาเกิด อันเป็นความเชื่อตามตำนานและประวัติศาสตร์แห่งความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจ เมื่อเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน แต่ที่สุดเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต้นราชวงศ์จักรี ได้มีการประหารพระเจ้าตากสินฯ ซึ่งโดนกล่าวหาว่า "สติวิปลาสฟั่นเฟือน" และถูกทุบด้วยท่อนจันทน์ จนนำมาซึ่งตำนาน "คำสาป "ของพระเจ้าตากสินฯ ก่อนสวรรคต จนทำให้มีการโยงกับแนวคิดเรื่องการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือแนวคิดเรื่องประธานาธิบดี นั่นเอง

แต่กระนั้น ก็ยังรวบรวมความเชื่อและตำนานเรื่องพระเจ้าตากสินฯ ที่ลบล้างความขัดแย้งกับ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ที่ว่าพระองค์ทรงรู้เห็นให้พระเจ้าตากสินฯ หนีไป โดยมีนายทหารใกล้ชิดที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนพระเจ้าตากสินฯ ยอมถูกประหารแทน และมีทหารเอก 10 คน ได้นำพระเจ้าตากสินฯ หนีไปยังภาคใต้ จนเป็นตำนานของ วัดเขาขุนพนม จ.นครศรีธรรมราช ที่พระองค์ทรงไปบวช แล้วละสังขาร ก่อนที่ทหารที่ตามฆ่าพระองค์จะมาถึง

นี่เองที่ว่าเพราะเหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ กำหนดต้องไปทำพิธีบวงสรวง เป็นวัดที่ 99 วัดสุดท้ายในการเดินสายทำบุญสะเดาะเคราะห์แก้กรรม หลังจากที่กลับประเทศ ครั้งล่าสุดเมื่อ 28 ก.พ. 2551 แต่ก็มีอันไม่ได้ไปทำพิธี แต่มีนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว ไปทำพิธีแทน


วาสนา นาน่วม ออกตัวไว้ในหนังสือการกุศลเล่มนี้ว่า

"ไม่ต้องการลบหลู่ความเชื่อของคนที่เคารพรักบูชาพระเจ้าตากสิน แต่แค่ต้องการสะท้อนความเชื่อในอีกมุมหนึ่งที่ถูกลากโยงไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เพื่อหวังเป็นจิ๊กซอว์ต่อเติมความเข้าใจเบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง ที่อาจขาดหายเว้นวรรคไป เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวม และสะท้อนให้เห็นว่า นอกจากจะเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจกันแล้ว ยังมีการต่อสู้ทางไสยศาสตร์ อันเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาวุ่นๆ ที่เกิดขึ้นด้วยนั่นเอง และปรากฏชัดถึง การทำสงครามไสยศาสตร์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นตัวแทน ในการต่อสู้เพื่อแก้มนต์ดำที่ครอบการเมืองไทย ที่บางเรื่องดูมีน้ำหนัก แต่หลายเรื่องก็กลายเป็นความเข้าใจผิด เพราะหลงอยู่ในศึกไสยศาสตร์"
หนังสือมีการหยิบยก กรณีที่ นายสนธิ เปิดศึกไสยศาสตร์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งการแฉเรื่องพิธีในวัดพระแก้ว การทุบพระพรหมเอราวัณ การทำลายปราสาทหินพนมรุ้ง การทำพิธีที่พระพรหมที่ทำเนียบรัฐบาล การสร้างพระหน้าเหลี่ยม หรือความเชื่อเรื่อง เป็นกษัตริย์พม่า ที่มีรูปวาดหน้าตาเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้ง พฤติกรรมความเชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ในเรื่องโชคลาง โชคชะตาและการถือเคล็ดๆ ต่าง โดยเฉพาะหลังถูกปฏิวัติและกลับเมืองไทย ที่ต้องเร่งทำบุญสะเดาะเคราะห์ เพื่อหวังพ้นคดีและกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง

แต่สุดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พ่ายแพ้ทั้งสองศึก ต้องกลายเป็นคนไม่มีแผ่นดินอยู่ เร่ร่อน ด้วยวิบากกรรมยังไม่จบสิ้น หากแต่ความแค้น ทำให้เขาประกาศต่อสู้ทวงคืนอำนาจ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม

รวมทั้งเป็นการวิเคราะห์ความเกี่ยวโยงระหว่าง ความเชื่อของฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคนในระดับสูง จนถึงระดับปฏิบัติการ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับชาติปางก่อนที่เคยเป็น พระเจ้าตากสิน กับเหตุจูงใจในการปฏิวัติล้มระบอบทักษิณ หรือไม่ และเปิดเผยข้อมูลบางอย่าง ที่ทำให้มีน้ำหนักเชื่อมโยง ทั้งการที่มีคนบางกลุ่ม และบิ๊กทหารบางคนไปทำพิธีที่วัดอรุณราชวราราม ที่อยู่ติดกับ พระราชวังเดิมของพระเจ้าตากฯ ที่กองทัพเรือ ก่อนที่จะมีการปฏิวัติ
ในจำนวนนี้ สายข่าวฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รายงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบ นั้น มีการพาดพิง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน. ที่ในอดีตเคยอยู่ฝ่ายคณะปฏิวัติ และเคยโดนกล่าวหาในคดีคาร์บอมบ์ ลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.พัลลภ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ไม่เคยมีความเชื่อดังกล่าว และตนเองเป็นนักรบ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวในเรื่องพิธีกรรมไสยศาสตร์ใดๆ “ ผมไม่เคยเล่นเรื่องแบบนี้ ”
หรือแม้แต่ ข่าวลือในเมืองเหนือ ถึงพิธีเชือดไก่ บนดอยสุเทพฯ ที่ไม่มีใครรู้ว่า จริงหรือไม่ แล้วใครเป็นคนลงมือทำพิธี แต่ก็มีความพยายามจะโยงกับการแก้เคล็ดไสยศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยนั่นเอง
ในหนังสือ มีการยกตัวอย่าง ความเชื่อดังกล่าว เช่น ทั้งการเปรียบเทียบ พระเจ้าตากสินฯ เป็นสามัญชนเชื้อสายจีน ที่นำกู้ชาติสำเร็จและ “ ปราบดาภิเษก ” ขึ้นเป็นกษัตริย์ และ การเขียนชื่อ THAKSIN เป็น TAKSIN หรือ แม้แต่ ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีผู้กำกับชื่อดัง มีแผนที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่อง “ พระเจ้าตากสินฯ ” ที่จะให้ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร เป็นผู้แสดง หรือแม้แต่การที่ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิทบ. ทำการฝึกกองกำลังให้กลุ่มเสื้อแดง ที่ใช้ชื่อว่า “ นักรบพระเจ้าตากฯ ” ที่แม้ว่า พล.ต.ขัตติยะ จะออกตัวว่า ไม่เกี่ยวกับความเชื่อนี้ก็ตาม
พ.ต.ท.ทักษิณ เอง เดิมไม่เชื่อเรื่องชาติภพก่อนจะเป็นพระเจ้าตากสินฯ เพราะเป็นที่เคารพเชื่อถือของผู้คนมากมาย ซึ่งในจำนวนนี้ อาจไม่ชอบเขา แต่เมื่อมีหมอดูหลายสำนักและพระครู ทายทัก เขาจึงเริ่มเชื่อและโยงใยเรื่องต่างๆ จนเขาต้องไปทำพิธีที่วัดเขาขุนพนม
ในหนังสือ ยังโยงถึงการที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งก็มีความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ และภายหลังปรากฏชัดในภาพของ ศาสดาจากกรณีเรื่อง การพรมน้ำมนต์ในทำเนียบฯ เรื่องผ้าอนามัยที่ลานพระรูปทรงม้าฯ ได้เคยมีการเปิดประเด็น โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะปฏิวัติ แล้วไปทำพิธีทำบุญประเทศในวัดพระศรีรัตนศาสดารามและปราสาทพระเทพบิดร ซึ่งถูกมองว่า เป็นการ “ ปราบดาภิเษก ”
บนเวทีพันธมิตรฯ นายสนธิ ได้เผยเบื้องหลังในเชิงไสยศาสตร์ว่า การกระทำนี้ เป็นเคล็ดเพื่อเทียบเสมอพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง โดยอ้างว่า ในวันนั้นมีการดึงหินที่อยู่ด้านหลังขององค์พระแก้วมรกตลงมาก้อนหนึ่ง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ที่ด้านหลังองค์พระแก้วมรกตนั้น มีก้อนหินอยู่จริงหรือไม่
“ พระแก้วมรกต ที่มีการดึงหินก้อนหนึ่งออกมา เพราะมีคนใจชั่ว ร่วมกับคนบางคนในสำนักพระราชวัง ให้หมอเขมรเข้าไปแกะหินก้อนนี้ออกมา หินก้อนนี้ทำหน้าที่ส่งพลังออกมา ” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ ยังจุดประกายความคิดให้คนไทย ได้ฉุกคิดว่า เหตุการณ์ทุบทำลาย พระพรหม เมื่อ ตี 1 วันที่ 21 มีนาคม 2549 นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ หรือเป็นเรื่องธรรมดา หากแต่ผ่านการวางแผน และเป็นพิธี ฝังรูปฝังรอย


นายสนธิ ระบุด้วยว่า หาใช่แค่การทุบพระพรหมเอราวัณ แต่มีการทุบพระพรหมที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งกรณีทุบพระพรหมเอราวัณวันนั้น คนทุบที่บอกว่าเป็นคนบ้า ก็ถูกฆ่าตายอย่างปริศนาแล้วก็เงียบหายไปเลย ท่ามกลางเสียงร่ำลือกันว่า เส้นผมและดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ นำไปใส่ไว้ใต้ฐาน พระพรหมองค์ใหม่นั้น เพื่อให้ดวงเมือง และดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชงกันไปตลอด นั่นเอง แต่ในเวลานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบโต้เสียงวิจารณ์ต่างๆ ว่า “ อันนั้นนั่นเสียสติ ”
หรือแม้แต่การโยงเหตุการณ์มีผู้ทุบทำลาย ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ และพิธีกรรมที่ วัดบางละมุง จ.ชลบุรี ที่ นายสนธิ พยายามชี้โยงให้ การทำพิธีไสยศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อย่างแทบไม่น่าเชื่อ
“ พระเจ้าตากสินทรงปลูกต้นสนใหญ่ต้นหนึ่งเพื่อเป็นหลักของชาติไว้ที่วัดบางละมุง ขณะเดียวกันได้หล่อพระศรีอารยเมตรัย เพื่อเป็นหลักธรรม ตั้งตรงกัน แต่ปรากฎว่าเมื่อปี 2544 ได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยการสร้างพระขึ้นมาใหม่เรียกว่า “ พระชินวัตรมุนี ” หน้าเหลี่ยมมาวางเอาไว้คั่นกลางระหว่าง พระศรีอารยเมตรัย กับ ต้นสน เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์หลักของชาติและหลักของศาสนา แล้วก็ส่งความศักดิ์สิทธิ์ให้ พระชินวัตรมุนี ซึ่งหน้าเหมือนคนหน้าเหลี่ยม เป็นการทำเพื่อเอาเคล็ด เพื่อให้พระศรีอารย์ฯ ส่งพลังเข้า พระชินวัตรมุนี ขณะเดียวกันได้นำ พระแก้วมรกตจำลอง ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของพระมหากษัตริย์มาวางไว้ข้างล่างให้ต่ำกว่า พระชินวัตรมุนี มีเจตนาทำเป็นเคล็ดให้เหมือนที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ด้านข้างสองข้างของพระแก้วมรกต จะ มีพระพุทธรูปปางห้ามญาติ อยู่ซ้าย และปางห้ามสมุทร อยู่ขวา โดย พระแก้วมรกตต้องวางไว้สูงสุด ซึ่งถูกวางประจำในวัดประจำพระราชวงศ์จักรี เป็นเจตนาที่เอาหลักชาติ คือต้นสน มาสกัดหลักเมือง โดยมี พระชินวัตรมุนี ซึ่งทรงพลังสูงสุดในชาติแทนพระแก้วมรกต
นายสนธิ ยังชี้ให้เห็นว่า การหล่อพระพุทธรูปชินวัตรมุนีองค์ใหญ่ขึ้นมาและวางตรงนั้น เพื่อรับพลังจากหลักชาติ และฐานของพระพุทธรูป ดังกล่าวยังหล่อเป็นรูปนักการเมืองหลายคน เพื่อเป็นหลักคำชูให้ พระชินวัตรมุนี
ทั้งๆที่เป็นเรื่องของอารมณ์ขันทางการเมืองของศิลปินผู้ก่อสร้าง แต่ นายสนธิ ก็ปลุกกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรี ให้ไปที่วัดนี้เพื่อให้ทุบทำลาย ฐานพระรูปที่มีรูปนักการเมืองคนสำคัญ รวมทั้ง บางรูปปั้นที่สวมแว่นตา ที่ นายสนธิ เชื่อว่า เป็นคนสำคัญของประเทศ แต่ ช่างผู้ปั้น ระบุว่า คือ นาย บัญญัติ บันทัดฐาน ก็ตามที
ในหนังสือเล่มนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงการเป็น 2 ดิจิตอลขมังเวทย์ ของ ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ นายสนธิ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์อย่างมาก แถมที่มีปรึกษา อย่าง หมอผีเขมร นายเนวิน ชิดชอบ ในเวลานั้นด้วย ส่วน นายสนธิ มองว่า ตัวเองรู้ทันกลเกมไสยศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นตัวแทนในการต่อสู้ในสงครามไสยศาสตร์เพื่อล้างมนต์ดำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเอาไวเพื่อหวังที่ต้องการครองอำนาจครองประเทศไปตลอด ทั้งการแก้เคล็ดที่ พระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล ที่เขาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พาหมอผีเขมรมาทำพิธีและขึ้นนั่งคร่อม จนเมื่อ กลุ่มพันธมิตร มายึดทำเนียบฯ ก็นำผ้าดำมาคลุมสี่ทิศ และนำขึ้ผึ้งและทองคำเปลวมาปิดพระเนตรเอาไว้เพื่อแก้เคล็ด
แต่ได้มีการรวบรวมความเชื่อของทหารเรือ ในตำนานพระเจ้าตากสินฯ และสัมภาษณ์ โหรดังฝ่ายทหาร ทั้ง อาจารย์ วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช. และ นายเก่งกาจ จงใจพระ อดีตโหร รสช. ที่เชื่อแย้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่พระเจ้าตากสินฯกลับชาติมาเกิด และเชื่อว่า พระองค์ท่าน ได้กลายเป็น พระสยามเทวาธิราช ที่คอยปกป้องดูแลชาติบ้านเมืองแล้ว ไม่ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกแล้ว
รวมทั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่ก็ยอมรับว่า สับสน ไม่มั่นใจว่าจะเชื่ออย่างไร เพราะตนเองก็ได้ยินเรื่องที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ในชาติภาพก่อน เป็นพระเจ้าตากสินฯ แต่เมื่อ อาจารย์ วารินทร์ เห็นในนิมิตว่า พล.อ.สนธิ ในชาติภพก่อนคือ ทหารเอกพระเจ้าตากสินฯ ที่ต้องมากู้ชาติในชาตินี้
“ ถ้าผมเป็นทหารเอกพระเจ้าตากสินฯ ผมก็ต้องอยู่ฝ่าย นายกฯทักษิณ แล้วผมจะอยู่ข้างไหน ผมก็ต้องกู้ชาติ ” พล.อ.สนธิ กล่าวด้วยความสับสน แต่ที่สุดเขาก็ต้องสลัดตัวเองจากเรื่องตำนานความเชื่อ แล้วปฏิวัติล้มอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ คนที่เขาเชื่อว่า มีแนวคิดในการล้มล้างระบอบฯ
นอกจากนั้น หนังสือเล่มนี้ ยังระบุถึงอีกความเชื่อที่ว่า ในชาติภพหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยเกิดเป็นกษัตริย์พม่า ซึ่งเคยก่อกรรมกับคนไทย ในสมัยอยุธยาไว้ จนทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไปแก้กรรมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อครั้งที่กลับมาเมืองไทย หลังการปฏิวัติ โดยมีการโยงกับ สายสัมพันธ์ที่ดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับผู้นำทหารพม่า ในเชิงประโยชน์ทั้งการปล่อยเงินกู้ 4 พันล้าน และการทำธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมกับพม่า
รวมทั้ง เปิดแผนการช่วยฟื้นชีพ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงหลังปฏิวัติเรื่อยมา ทั้งการที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เคยประสานผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อขอให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ในเวลานั้น ทำพิธีทำบุญถวายในหลวง “ มหาสังฆทาน รวมพลังไทยเพื่อพ่อของแผ่นดิน ”
ที่หากมองผิวเผินแล้ว จะไม่มีใครหยั่งรู้หรือฉุกคิดเลยว่า เบื้องหน้าเบื้องหลังของงานบุญมหากุศลครั้งนี้ เป็นเรื่องไม่ธรรมดา และเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนจะถึงวันเกิดของ 26 ก.ค.ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกด้วย
เพราะในแง่รูปแบบของงานบุญนี้ ก็ค่อนข้างแปลก ตั้งแต่ การทำบุญตักบาตร์ พระสงฆ์ 999+9 รูป จากวัดประจำรัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่จะทำพิธีกันตั้งแต่ หกโมงเช้า ถึง แปด โมงเช้าของวันที่ 20 ก.ค. 2551 และในเวลา 6 โมงเย็น จนถึง 6 โมงเช้า ของวันที่ 21 ก.ค. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ที่คาดว่าจะมีคนไทยร่วมงานราว 1 แสนคน ที่จะกึกก้องด้วยเสียงบทสวดคาถาชินบัญชร
หรืออีกนัยหนึ่งเสมือนเป็นพิธีการทำบุญประเทศ เพราะจุดหมายคือ ทำบุญให้กับประเทศ มีปัญหาความแตกแยกสามัคคี ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และวิกฤติเศรษฐกิจ
แต่พิธีนี้ ถูกนายสนธิ โจมตีเสียก่อนจนต้องยกเลิกไป ที่ไม่มีใครคาดคิดว่า จะเกี่ยวข้องกับแผนการ อาศัยดวงชะตาบุญบารมีของ แม่ทัพนายกองในกองทัพ มาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีหมอดูพม่า ทายทักว่า หลังเกิดพายุนาร์กีสที่ทำให้ชาวพม่าเสียชีวิตจำนวนมากและกระทบต่อความมั่นคงของเจดีย์ชเวดากอง จนต้องให้มีการทำพิธีนี้ แต่ถูกสกัดกั้นเสียก่อน จนทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่พ้นบ่วงกรรม

ครม.ต่างตอบแทนดันแกนนำพธม.รุ่น2ผงาดผช.รมต.

หมวดข่าว : การเมือง
โดยทีมข่าว : ทำเนียบรัฐบาล

ครม.เตรียมอนุมัติ กก.ผู้ช่วยรัฐมนตรี ตบรางวัลแกนนำพันธมิตรรุ่น 2 “ สำราญ รอดเพชร ” นั่งกก.ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนาธรรม ส่วนสายทศวรรษใหม่ หักสายผลัดใบ ส่ง“ ยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ” เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์

การประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (10 ก.พ. ) มีวาระที่น่าสนใจคือ การเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เข้าเป็นวาระจร ภายหลังจากที่นายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือ เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อกำหนดเป็นตำแหน่งที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งล่าสุด ป.ป.ช.มีมติกำหนดให้ตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. เนื่องจาก ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งประกอบด้วย

1.นายยุพ นานา เป็นกรรมผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน (นายไพฑูรย์ แก้วทอง)

2.นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม (นายธีระ สลักเพชร)

ก่อนหน้านี้แกนนำพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นนายประพันธ์ คูณมี ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์

นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ เป็นที่ปรึกษานายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข

3.นางนวลพรรณ ล่ำซ่ำ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร)

4.น.ส.ศุภลักษณ์ ตั้งจิตศิลป์ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค)

5.นายพนิช วิกิจเศรษฐ์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายกษิต ภิรมย์)

6.นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร .อดีต ส.ส.มหาสารคาม ที่ยื่นให้เรื่องให้ปปช.ตรวจสอบคดีทุจริตเรื่อ-รถดับเพลิงของกทม.หรือ นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ เป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ (คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช)

7.นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายวิทยา แก้วภราดัย)

จากรายชื่อดังกล่าว ในพรรคประชาธิปัตย์ได้เกิดความเห็นไม่ลงรอยกัน กรณีมีการเสนอชื่อ นายยุทธพงษ์ เข้ามาเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยได้สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำพรรคสายผลัดใบ เป็นอย่างมากเนื่องจาก นายยุทธพงษ์ เป็นสายใกล้ชิดกับกลุ่มทศวรรษใหม่ เนื่องจากเป็นต้นเหตุให้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่ากทม.ต้องหลุดจากเก้าอี้ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าหาก นายยุทธพงษ์ ไม่ได้กรรมการผู้ช่วยรมว.วิทยาศาสตร์ ก็จะให้เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม ) แต่ทั้งนี้ ต้องรอการตัดสินใจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อีกครั้ง

การเสนอรายชื่อกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เสนอครบตาจำนวนรัฐมนตรี แต่จะเสนอเฉพาะกระทรวงที่มีความจำเป็นเท่านั้นโดยจะเน้นในเรื่องเศรษฐกิจ ต่างประเทศ และด้านสังคมเป็นหลัก โดยการเสนอรายชื่อกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์กำหนดไว้สองทางคือ ให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเป็นผู้เสนอชื่อขึ้นมาเอง พร้อมกับระบุเหตุผลและความจำเป็นในการแต่งตั้งเข้าช่วยงาน และให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้พิจารณาตัวบุคคลอีกครั้งตามความเหมาะสม

ส.ว.นัดถก3ฝ่ายหาทางออก'เอเน็ต'แฉสกอ.แก้หลักฐานย้อนหลัง

หมวดข่าว : การศึกษา
โดยทีมข่าว : การศึกษา
กมธ.สิทธมนุษยชน ส.ว.นัดถกวันนี้ไกล่เกลี่ยหาทางออกนักเรียนที่พลาดสอบเอเน็ต เตรียมเปิดข้อมูลเด็ดสกอ.แก้ประกาศย้อนหลัง ยุส่งเด็ก 1 แสนคนที่เกิดความผิดพลาดในรอบ 3 ปี ฟ้องศาลกรณีเลิกระบบเอเน็ต ท้าถ้าเอเน็ตดีจริงทำไมต้องเลิก ด้าน "ชัยวุฒิ" เผยนักเรียนร้องทุกข์ไม่ได้สมัครเอเน็ตเกือบ 100 ราย ไม่พบว่าระบบผิดพลาด รอดูปัญหานักเรียนทั่วประเทศก่อน ปูดเริ่มมีนักเรียนคัดค้านการคืนสิทธิ์แล้ว ส่วนนักเรียนต่างจังหวัดตรวจสอบชื่อศูนย์เปิดรับเรื่องร้องทุกข์ได้ที่เว็บไซต์ www.cuas.or.th
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สรรหา ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เปิดเผยว่า วันนี้ (10 ก.พ.) กมธ.ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ตัวแทนผู้ปกครอง และนักเรียนที่มีปัญหาการสมัครสอบการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (เอเน็ต) มาหารือกันที่อาคารวุฒิสภา ในเวลา 15.00 น. เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยเด็กจะได้เข้าสอบและมีโอกาศศึกษาต่อในสาขาที่ตนเองถนัด
ทั้งนี้ เขาได้รับการประสานจากนักเรียน ว่า มีข้อมูลที่ระบุวันที่การชำระเงินซึ่งเดิมในปฏิทินการสมัครสอบเอเน็ต ไม่มี แต่มีการเข้าไปแก้ไขในอินเทอร์เน็ตให้มีการระบุวันชำระเงิน ซึ่งตรงนี้ไม่มีปัญหาเพราะเด็กนักเรียนปริ้นเอกสารแบบฟอร์มดังกล่าวออกมาเก็บไว้แล้ว และจะส่งให้กมธ.ในวันนี้ (10)
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ระบบเอเน็ตที่มีปัญหาในขณะนี้เกิดการจากไม่ยอมรับความผิดพลาดของผู้ใหญ่ที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการสอบเอเน็นร่วม 1 แสนราย และขณะนี้ทราบว่ากระทรวงศึกษาธิการกำลังจะยกเลิกการสอบเอเน็ต ซึ่งนักเรียนเหล่านี้มีสิทธิที่จะฟ้องร้องจากการที่เขาเสียสิทธิอันมาจากระบบที่ล้มเหลว และถ้าหากระบบเอเน็ตดีจริงทำไมต้องยกเลิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่สำนักงานสกอ. ชั้น 4 ซึ่งเปิดเป็นศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์จากนักเรียนที่มีปัญหาการสมัครสอบเอเน็ต วานนี้ (9 ก.พ.) เป็นวันที่สอง มีนักเรียนเดินทางมาประมาณ 10 คน บางคนยอมรับลืมไปชำระเงิน หรือมาร้องเรียนบ้างเผื่อว่าจะได้สิทธิ์คืน จนกระทั่งเวลา 10.30 น. นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วย (รมช.) ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เดินทางมาที่ สกอ. และหารือกับนายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ได้พบกับ นางอัจฉรา แสงทองยิ่งดี ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เข้าร้องเรียนสอบถามปัญหากับ นายชัยวุฒิ
นายชัยวุฒิ ชี้แจงว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจปัญหาที่เกิดขึ้น จากการเปิดรับเรื่องร้องเรียนจากนักเรียนทั่วประเทศ แต่การแก้ปัญหาต้องเคารพสิทธิ์นักเรียนที่สมัครถูกต้องตามระบบจำนวน 1.9 แสนคน ทำให้การสอบเป็นไปด้วยความโปร่งใสที่สุด ตอบได้ทุกประเด็น ไม่ให้มีปัญหาตามมา ขอย้ำว่าหากการสมัครเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของระบบรับสมัคร นักเรียนจะได้รับคืนสิทธิ์สมัครแน่นอน หรือหากจะคืนให้ทั้งหมดก็เป็นเรื่องมนุษยธรรม
ส่วนนักเรียนในต่างจังหวัดซึ่งจะไปร้องทุกข์ได้ตั้งแต่วันนี้ (10 ก.พ.) เป็นต้นไป โดยสามารถตรวจสอบชื่อโรงเรียนที่เป็นศูนย์รับเรื่องฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.cuas.or.th มีจำนวน 88 โรงเรียน ทั้งนี้ จะสิ้นสุดการรับเรื่องร้องทุกข์ทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ในวันที่ 13 ก.พ.
รมช.ศธ.ไม่พบระบบสกอ.ผิดพลาด
นายชัยวุฒิ เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้สรุปว่ามีนักเรียนมายื่นร้องเรียน 85 คน ส่วนหนึ่งให้เหตุผลว่าในใบสมัครไม่ได้ระบุกำหนดสิ้นสุดการชำระเงิน มี 3 รายที่ร้องว่าบาร์โค้ดอ่านไม่ได้ บางส่วนยอมรับว่าลืม บางส่วนฝากคนอื่นชำระแล้วผู้รับฝากลืม ทั้งนี้ ยังไม่พบว่าเป็นความผิดพลาดเชิงระบบของ สกอ. แต่อย่างใด ขณะนี้ต้องการจะรอดูข้อมูลจากการเปิดรับร้องทุกข์ที่เปิดรับที่โรงเรียนประจำจังหวัดทั่วประเทศว่ามีปริมาณผู้ร้องเรียนเท่าใด และมีสาเหตุใดบ้าง ก่อนจะนำเสนอเป็นแนวทางปฏิบัติในการแก้ปัญหาต่อคณะกรรมการอำนวยการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งมีอธิการบดีจากมหาวิทยาลัยกว่า 20 แห่งเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาตัดสินใจต่อไป
ทั้งนี้ ต้องจัดการแก้ปัญหาให้ไม่กระทบสิทธิของนักเรียนที่สมัครแล้ว 1.9 แสนคน ซึ่งจะมีประกาศเลขที่นั่งสอบในวันที่ 14 ก.พ.นี้ และหากต้องมีการเยียวยา หรือแก้ปัญหาโดยการรับสมัครนักเรียนกลุ่มนี้ คงจะเป็นการจัดห้องสอบแยกต่างหากออกมา และจะต้องสอบพร้อมกันในวันที่ 28 ก.พ. เพื่อความโปร่งใส ส่วนนักเรียนที่ยังไม่ได้สมัคร และจะมาร้องขอสมัครด้วย คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะจะกระทบต่อระบบทั้งหมด
รมช.ศึกษาธิการ ยังได้นำเอกสารมายืนยันด้วยว่า ในขั้นตอนการสมัครทางอินเทอร์เน็ต แม้จะไม่มีระบุวันสุดท้ายของการชำระเงินในใบสมัคร แต่ก่อนจะถึงใบสมัคร มีถึง 2 ขั้นตอนที่ระบุวันสุดท้ายของการชำระเงินที่ชัดเจนไว้ และผู้สมัครจะต้องกดปุ่มยอมรับและตกลงก่อนจะไปถึงหน้าใบสมัครได้ และปฏิทินกำหนดการต่าง ๆ ได้ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนส.ค. 2551 แล้ว
ว่อนเน็ตนักเรียนคัดค้านการให้สิทธิ์
ด้านนายสุเมธ กล่าวถึงนักเรียนที่ร้องเรียนปัญหาบาร์โค้ดอ่านไม่ได้ ว่า อาจมีปัญหาที่เครื่องอ่าน ซึ่ง 1 ใน 3 คนที่ร้องทุกข์เรื่องนี้ ทางที่ทำการไปรษณีย์ที่รับชำระชี้แจงมาว่า เครื่องอ่านมีปัญหา จึงได้แนะนำให้ไปชำระที่ธนาคารแล้ว ยืนยันว่าไม่มีความผิดพลาดที่บาร์โค้ดอย่างแน่นอน เพราะได้รับอนุญาตตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่ยังมีนักเรียนมาร้องทุกข์การไม่ได้ชำระเงินค่าสมัครสอบเอเน็ตอย่างต่อเนื่อง แต่บนเว็บไซต์ก็มีเด็กนักเรียนบางส่วนที่สมัครสอบเอเน็ตไปแล้ว ได้เขียนกระทู้บนเว็บไซต์ เช่นที่ เว็บ dek-d.com ตั้งหัวข้อว่า "คัดค้านการให้สิทธิ์แก่คนที่ไม่มีความรับผิดชอบ" ด้วย