วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

นายกฯสั่งดำเนินคดีเฉียบขาดม็อบแดงป่วนเมือง

หมวดข่าว : การเมือง

โดย : กองบรรณาธิการ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ว่า รัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์และเตรียมการในเรื่องของการชุมนุมใหญ่ ซึ่งมีการประกาศว่าจะมีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. วันนี้ผมอยากจะขอใช้เวลากับพี่น้องประชาชนเพื่อให้ทราบสถานการณ์ เหตุผล จุดยืนของรัฐบาล และการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้มีความเข้าใจและมีความมั่นใจในแนวทางต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่
ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้มีการจัดให้มีการชุมนุมใหญ่ทางการเมืองก็ปรากฏว่ามีพี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมทางการเมืองเป็นจำนวนค่อนข้างมาก แม้ว่าตัวเลขที่ชัดเจนอาจจะมีการประเมินแตกต่างกันไป แต่ก็อาจจะกล่าวได้ว่า ค่อนข้างจะมองตรงกันว่ามีประชาชนที่เข้ามาร่วมชุมนุมประมาณ 1 แสนคน ซึ่งผมได้ย้ำมาตลอดว่า ผู้ที่มาชุมนุมสามารถใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้ขอบเขตของรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ได้ และผมก็ถือว่าประชาชนที่มาจำนวนมากก็มีข้อเรียกร้อง หรือมีเหตุผลที่จะมาแสดงออก ซึ่งผมได้พูดตลอดเวลาว่าในเรื่องของหลักการประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่ผมสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ชุมนุมไปแล้วก็ปรากฏว่ามีการเสนอข้อเรียกร้องออกมาเบื้องต้น 3 ข้อ และมีการกำหนดเส้นตายว่าต้องได้รับการตอบสนองภายใน 4 โมงเย็นของวันนี้ (9 เม.ย.)
อยากจะเรียนว่า ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ มีความสับสนอย่างมาก และไม่ได้นำไปสู่เรื่องของการได้มาประชาธิปไตย หรือปฏิรูประบบการเมือง การปกครอง อย่างที่ควรจะเป็นอย่างที่ได้ประกาศไว้ เช่น การไปตั้งข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับท่านประธานองคมนตรีก็ดี หรือท่านองคมนตรีก็ดี เป็นอีกครั้งหนึ่งครับที่ผมย้ำว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ที่มีความพยายามที่จะขยายวงความขัดแย้งทางการเมืองไปสู่สถาบันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไปสู่เรื่องของตัวบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง และก็มีความพยายามที่จะขยายผลต่อไปด้วย ซึ่งจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ
ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผมเองนั้น ผมย้ำกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่า การตัดสินใจของผมในเรื่องเหล่านี้จะอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ที่จริงก่อนหน้านี้นั้นก็มีข้อเรียกร้องให้ผมยุบสภา และผมก็ได้มีโอกาสชี้แจง รวมทั้งชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศด้วยว่า การยุบสภาก็ถือเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่สามารถจะทำได้ในระบบรัฐสภา แต่การยุบสภาในภาวะเช่นนี้ ที่ผมย้ำว่าคงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ก็คือ คงไม่นำไปสู่การเลือกตั้งที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประชาธิปไตย เพราะเห็นได้ชัดว่ายังมีกลุ่มบุคคลจำนวนมาก มีการดำเนินการเคลื่อนไหวในลักษณะของการขัดขวางไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ข่มขู่ คุกคามในเรื่องของการใช้ความรุนแรงต่อพรรคการเมืองซึ่งมีความคิด ความอ่านที่ไม่ตรงกับตัวเอง
ผมอยากให้พี่น้องประชาชนนึกภาพครับว่า ถ้าเรายุบสภาภายใต้บรรยากาศและการประกาศการเคลื่อนไหวเช่นนี้ สิ่งที่ปรากฏต่อไป ต่อสายตาของชาวโลกไม่ใช่เรื่องของกระบวนการของประชาธิปไตย แต่จะนำไปสู่ภาพลักษณ์ของความวุ่นวายของความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะการข่มขู่ คุกคาม จำกัดสิทธิของการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองขัดกับหลักประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง ดีไม่ดีถ้าหากเกิดความรุนแรงขึ้นในช่วงของเลือกตั้งจะเป็นการซ้ำเติมภาพลักษณ์ในเรื่องของประชาธิปไตยของประเทศอย่างรุนแรง เพราะที่ผ่านมาเรายังไม่เคยมีกรณีของการเลือกตั้งที่ผสมผสานกับความรุนแรง และผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนนึกออกนะครับว่า เวลาที่มีการเลือกตั้งในประเทศใดและมีเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น เราก็มีความรู้สึกว่าประชาธิปไตยในประเทศนั้นมีปัญหา
ดังนั้น ผมจึงได้ย้ำมาโดยตลอดว่า ในแง่การเมือง ในแง่การพัฒนาประชาธิปไตย การยุบสภาคงไม่เหมาะสมในช่วงนี้ ผมต้องการเห็นเสถียรภาพ ความยอมรับในการใช้สิทธิเสรีภาพของทุกฝ่ายที่ไม่มีความรุนแรงใดๆ เข้าไปปะปนเสียก่อน จึงจะพิจารณาได้ว่าการยุบสภามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่สำคัญขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการแก้ไขปัญหาที่มีความสำคัญกับพี่น้องประชาชน และการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเป็นหน้าที่ของประเทศในฐานะประธานของอาเซียน งานในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ดี ซึ่งกำลังเดินหน้าไปอย่างชัดแจ้ง การจัดการประชุมสุดยอดผู้นำของอาเซียนบวกกับประเทศคู่เจรจาที่กำลังจะมีขึ้นในช่วง 3 วันข้างหน้านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการเสริมความเชื่อมั่น ล้วนแล้วแต่เป็นมาตรการสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ หากมีการยุบสภาขึ้นในขณะนี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องหยุดชะงักลง
ประการถัดมา เมื่อมีการยืนยันอย่างชัดเจนอย่างนี้ ก็สังเกตได้ว่าข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมก็หมุนเปลี่ยนไป ผมก็อยากเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ข้อเรียกร้องมีความสับสนมาก เพราะถ้าหากผมตัดสินใจลาออกจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องมีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ วันนี้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังยืนยันทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ถ้ามีการลาออกแล้วเลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง แล้วพรรคการเมืองต่างๆ เขาก็ตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกันต่อเลือกผมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็กลับเข้าสู่สถานการณ์เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากจะเรียนว่าข้อเรียกร้องไม่ว่าจะเกี่ยวกับองคมนตรีก็ดี หรือตัวผมเองก็ดี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจะได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ผมฟังเสียงของพี่น้องที่มาชุมนุมกันเป็นแสน ในข้อเรียกร้องข้อที่สามเท่านั้น ก็คือความปรารถนาที่จะเห็นประชาธิปไตยมีการพัฒนาต่อไป ซึ่งขณะนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปิดโอกาสให้รัฐสภาเปิดกว้างให้ฝ่ายต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการของการปฏิรูปทางการเมืองเพื่อปรับปรุงกติกา รัฐธรรมนูญ กฎหมายต่างๆ ให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าตัดสินใจในทางการเทิองของผม เชื่อว่าพี่น้องจะเข้าใจการผสมผสานข้อเรียกร้องข้อที่สาม เป็นความพยายามสร้างความสับสน และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขีดเส้นตายวันนี้ วันนี้จะพบความจริงว่าผู้ชุสนุมร้อยละ 70 ได้เดินทามงกลับไแล้ว เพราะคนเหล่านั้นมีเจตนา และผุ้ชุมนุมเหลือร้อยละ 30 ได้เปลี่ยนแนวทางชัดเจน วันนี้สิ่งที่ประกาศบนเวทีกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย การปฏิเสธการมีอยู่ของรัฐบาลก็แปลก เพราะรัฐบาลนี้ก็มาโดย กลับมีการชักชวนพี่น้องประชรชนขณะนี้เข้าร่ยมกระบวนการในการผิดกฎหมาย
ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากไม่ได้เห็นด้วย เพราะนั่นเท่ากับบอกว่าบ้านเมืองของเราไม่ต้องมีกฎหมายก็ได้ ที่สำคัญได้บริหารราชการแผ่นดินด้วยจิตวิญญาณปชต.ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน การชุมนุมในช่วงบ่ายจึงสร้างความเดือดร้อน พี่น้องประชาชนประสบความเดือดร้อน ไม่มีนักปชต.สนับสนุน เป็นพฤติกรรมที่ไม่เชื่อในระบอบปชต.ที่ต้องอิงอยูกับหลักกฎหมาย รัฐบาลตอ้งขออภัยที่เกิดความไม่สะดวก หงุดหงิด โกรธเคืองกับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น แต่ก็ทรราบว่าจุดมุ่งหมายของผุ้ชุมนุมทีเหลืออยู่หวังให้เกิดเหตุรุนแรง เป้าหมายสำคัญต้องการหยุดยั้งการประชุมอาเซียน จะเห็นได้ว่าแกนนำผุ้ชุานุมได้พยายามมาแล้วให้ผู้นำประเทศต่างๆ ไม่มาประชุมอาเซียน เพราะประเทศอาเซียน และคู่เจรจา พร้อมที่จะมาร่วมแก้ปัญหาต่อไป
ดังนั้นแนวทางที่ 1 เราจะไม่ใช้ความรุนแรง และใช้กฎหมย เพียงแต่เราไม่ผลีผลาม ด้วยเหตุนี้ผมขอยืนยันว่าการบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นแน่นนอน จึงอยากเรียนพี่น้องประชาชนว่าขอให้ไตร่ตรองให้ดี และดำเนินการตัดสินใจยืนอยู่กับความถูกต้อง ละเว้นจากการกระทำเหล่านี้เสีย และกำลังดำเนินการในบางจุด และไม่นำไปสู่การเป็นเงื่อนไข ข้ออ้าง
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บอกว่าเป้าหมายของรัฐบาลชัดเจนไม่ให้มีการบุกรุกสาถนที่ราชการ ต้องดูแลการจราจร ซึง่ก็ได้มีการเตรียมแผนการรองรับไว้ การดำเนินการของรัฐบาลจะทำให้เรื่องนี้มีประสิทธิภาพและได้ผลอย่างไร
1.เราแยกแยะคนที่มาชุมนุมเรื่องปชต. คนที่อาจชักจูบงและหลงผิดให้เข้ามาโดยคิดว่าไม่ผิด เราจะแยกออกมา ลดละเลิก เราจะถือว่าคนเหล่านี้จงใจ กระทำผิดชัดเจน ซึง่จะต้องดำเนินการ ภาพเหล่านี้ได้บันทึกไว้หมดแล้ว แต่เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่สะดวกยิ่งขึน เพื่อให้พี่นองใช้ชีวิตสะดวกสบาย ผมนได้ประกาศให้วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ และจะทำให้ง่ายต่อการปฏฺบัติของเจ้าหน้าที่ในการแยกแยะกลุ่มคนต่างๆ ที่อยู่ในจุดที่ทำผิดกฎหมาย
2.เพื่ออำนวยความสะดวก ผมได้ขอให้สถานีโทรทัศน์ชอ่ง 11 เป้ฯาถนีที่รายงานขาวสารเพ่อประชาชนตลอดเวลา เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์จะมีการรายกงานอย่างตครงไปตรงมา ว่ากลุ่มบุคคลได้ดำเนินกการอย่างไบ้าง และเปิดโอกาาสให้ประชาชนเห็นว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้รที่รักษากฎหมมายอย่างไร ขณะเดดียวักน การจราจร ข่าวสารพื้นที่ไหนที่หลีกเลี่ยงก็สามารถดำเนินการได้อย่างตอ่เนือง และขอคความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ทมุก่องรายกงานข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ในส่วนของการประเมินสถานการณ์และติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประเมินว่าผุ้ชุมนุมบางส่วสนต้องการยกระดับความรุนแรง โดยผมได้ประชุมกับหน่วยความมั่นคงจะดูแลพื้นที่สาธารณะตางๆ ป้องกันไม่ไให้เกิดเหตุราย ส่วนราชการถือเป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่จะป้องกัน
ภาคเอกชน ก็ต้องช่วยรัฐบาลในการสอดส่องดูแล และเข้มงวดความปลอดภัยยิ่งขึน และขอให้พี่น้องช่วยเป็นหูเป็นตา มาตรการเหล่านี้จะดำเนินตั้งแต่วินาทีนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อแยกแยะออกมาแล้ว รัฐบาลจะสามารถบังคุบใช้กฎหมายและให้เหตุการณ์กลับเข้าสู่ปกติได้ และรัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดิน จักกรประชุมอาเซียนที่พัทยาให้สำเร็จลุล่วงไป ในส่วนพัทยาก็ได้มีการเสริมมาตรการตางๆ ขอเชิญชวนพี่น้องร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี ส่งทีรัฐบาบตัดสินใจไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ส่วนตัวของผม มีแต่ประโยชน์สุขของประชาชนระยะยาว การตัดสินใจครั้งนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอยางยั่งยืน รัฐบาลนี้ไม่นิ่งเฉย ขอให้พี่น้องประชาชนใช้ความอดทน อดกลั้น มีสติ สำหรับสถาบันหลักของชาติ จะเป็นการนำไปสู่ความสงบโดยไม่มีการสูญเสีย และผมตลอดจนครม. และความมั่นคง