วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551

“สมชาย”กระหายเลือด


“ผมจะพิจารณาตามความเหมาะสม”
เป็นคำตอบที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวถึงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ “7 ตุลามหาวิปโยค” ซึ่งบัดนี้ตัวเขาไม่ต่างอะไรจาก “อาชญากร” ผู้เข่มฆ่าประชาชน
เลือดไทย ต้องไหลนองแผ่นดิน อีกครั้ง ใครจะเป็นผู้ชดใช้หนี้ชี้วิตนี้ หากไม่ใช่ “สมชาย” และคณะรัฐมนตรีของเขา รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ก่อเหตุ
ทั้งนี้ ศูนย์เอราวัณ สรุปยอดผู้บาดเจ็บตลอดทั้งวันที่ 7 ตุลาคม 2551 มีทั้งสิ้น 381 คน นอนโรงพยาบาล 48 ราย ขาขาด 4 ราย นิ้วขาด 2 ราย กำลังผ่าตัด 10 ราย
ด้านกระทรวงสาธารณสุข ปิดเผยยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุชุมนุม ณ เวลา 18.00 น. มี 208 ราย นอนรักษาตัว 26 รายในโรงพยาบาล 6 แห่ง เสียชีวิต 1 ราย
ปฏิบัติการสุดเหี้ยมโหดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระดมยิงแก๊สน้ำตา เพื่อสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร หลายจุดไม่ว่าจะเป็นที่ด้านหน้า และด้านข้างอาคารรัฐสภา เพื่อเปิดทางให้คณะรัฐมนตรี และส.ส. - ส.ว.เข้าไปร่วมฟังการแถลงนโยบาย อีกหลายจุดทั้งแยกการเรือน หน้าบช.น. ลานพระบรมรูปทรงม้า จนในมาสู่การบาดเจ็บ และเสียชีวิต
นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความพันธมิตร ได้รวบรวมสถิติผู้บาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาทั้งหมด เพื่อฟ้องต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
แหล่งข่าวจากนักกฎหมายระหว่างประเทศชี้ว่า เหตุการณ์นี้ สมชาย และคณะรัฐมนตรี มีความผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง อาจถึงขั้นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะมีกระบวนการสั่งการอย่างเป็นระบบ อันเป็นความผิดสนธิสัญญากรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 7
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่มีการกระทำเป็นประการ เริ่มจาก บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับฉันทานุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งประชุมกันช่วงดึกของวันที่ 6 ตุลาคม 2551 และต่อมาในคืนเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ได้มาประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.
นี่คือกระบวนการที่เริ่มต้นของการสั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ทั้งนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศ จะสามารถดำเนินการดังต่อไปนี้
i. เป็นเวทีให้เหยื่อที่ถูกละเมิดสามารถแสวงหาความยุติธรรม โดยร้องขอให้ศาลสถิตยุติธรรมพิจารณาความผิดของผู้ที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ii. ช่วยระงับยับยั้งมิยอมให้คนผิดลอยนวล
iii. ช่วยหยุดยั้งความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็สามารถทำให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันใช้วิธีการที่ “เป็นมนุษย์มากขึ้น” หรือไม่โหดเหี้ยมทารุณ “ผิดมนุษย์”
iv. ใช้อำนาจศาลกับกรณีหรือคดีต่างๆ ที่ศาลปกติไม่เต็มใจหรือไม่อาจพิจารณาความผิดได้
v. เป็นกลไก “ป้องปราม” บรรดาผู้ละเมิด
กระบวนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่ฝ่ายสนับสนุนและผู้ลงมือกระทำการตามคำสั่งของรัฐบาล ย่อมหลีกหนีความผิดไม่พ้น
ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ เป็นปราการด่านสุดท้ายและเป็นจุดจบของผู้สั่งประหัตประหารประชาชน

ลำดับเหตุการณ์ 7 ตุลามหาวิปโยค


01.19 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.นัดพิเศษ ว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นการมาพบกัน และบรรยาสรุปสถานการณ์เท่านั้น และในวันนี้ก็จะมีการประชุมสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลตามปกติ รายงานข่าวจากการประชุม ครม.ว่า ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ดำเนินการและสั่งการแต่เพียงผู้เดียว
01.20 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันว่านี้จะไปประชุมสภาตามที่ประธานสภานัดไว้ ต้องเป็นไปตามนั้น
01.33 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ปราศรัยบนเวทีว่า หากแนวร่วมพันธมิตร มาร่วมชุมนุมกันมาก เราก็จะขยายพื้นที่การชุมนุมไปที่สะพานผ่านฟ้า หรืออาจจะไปถึงสนามหลวง แกนนำพันธมิตร ได้หารือและประเมินท่าทีของทางการหลังได้รับทราบข่าวเจ้าหน้าที่จะเข้าสลายการชุมนุมที่หน้าทำเนียบ เวลา 04.00น.
01.34 น. ที่ประชุมครม.นัดพิเศษ เผยว่า นายกรัฐมนตรี เรียกรัฐมนตรีมาเพื่อฟังความเห็นเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรัฐมนตรีเห็นตรงกันว่า ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ จะไปประชุมสภาตามกำหนดเดิม เพื่อแถลงนโยบายตามปกติ หากไม่สามารถเข้าที่ประชุมสภาได้ ก็ขึ้นกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ว่าจะสั่งให้เลื่อน หรือย้ายสถานที่การประชุมอย่างไร ก็ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อนว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร
02.10 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ หารือกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.และได้เดินทางออกจากบช.น.เวลา 03.00 น.โดยมีพล.ต.อ.พัชรวาท เดินลงมาส่ง
02.30 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมายัง บช.น.เข้าพบกับพล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.แต่ไม่ได้พบ โดยพล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า วานนี้ (6 ต.ค.) พล.ต.ต.เอกรัตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า เขาจะนำกลุ่มนักรบพระเจ้าตากที่สนามหลวง เข้าสลายกลุ่มพันธมิตร นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
06.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตาหลายสิบลูกเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร เพื่อสลายการชุมนุมเปิดทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.เดินทางเช้าประชุมรัฐสภาและสามารถเปิดประตูรัฐสภาบริเวณถนนพิชัยได้แล้ว
07.09 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรสุข อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ได้พยายามควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวเอง ขณะที่มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัส 3 คน ขาขาด 1 คน นักข่าวเจ็บ 1 คน ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระพยาบาล
07.30 น. นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ยืนยันว่า ส.ส.จะเข้าประชุมที่สภา ซึ่งนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภายังไม่ได้แจ้งกำหนดเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม รัฐบาล ไม่ทราบตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุมด้วยวิธีการยิงแก๊สน้ำตา
07.49 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความพันธมิตร เปิดเผยว่า กำลังรวบรวมสถิติผู้บาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาทั้งหมด เพื่อฟ้องต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
08.15 น. นายชูศักดิ์ ศิลินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับนายกรัฐมนตรี บ้างแล้วก่อนหน้านี้ นายกฯ บอกว่าไม่มีอะไรน่าห่วงสามารถเข้าประชุมสภาตามปกติ แต่ก็ต้องรอดูท่าทีสมาชิกของสภาว่าจะมาประชุม อยากเรียกร้องให้ฝ่ายค้าน มาร่วมประชุม
08.16 น. ผู้สื่อข่าว จส.100 ถูกกระสุนแก๊สน้ำตาเข้ากลางหลังจนล้มทั้งยืน ส่วนายไชยยา พูนแก้ว ขาซ้ายขาด คาดว่าเป็นผลจากระเบิดปิงปอง ขณะนี้นำส่งโรงพยาบาลวชิระ
08.08 น. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ตำรวจไทยได้ยิงแก๊สน้ำตา เพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร บริเวณด้านนอกรัฐสภา
08.26 น. ร.พ .วชิระพยาบาล ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตา ถูกลำเลียงนำส่งเข้ารับการปฐมพยาบาล มีตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บล่าสุด 50 คน แต่ละคนจะมีอาการบาดเจ็บบริเวณดวงตา ขา และตามลำตัว ทาง ร.พ. ได้ระดมทีมแพทย์กว่า 100 คน มาช่วยกันรักษาในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 คน และส่วนหนึ่งส่งไปยัง ร.พ.รามาธิบดี 22 คน แต่ละคนมีอาการบาดเจ็บคล้าย ๆ กัน ทางแพยท์ต้องระดมช่วยกัน
09.10 น. บนเวทีพันธมิตร ได้ปราศรัยบนเวทีว่ามีผู้สื่อข่าวคมชัดลึก ได้รับบาดเจ็บนอนพักอยู่ที่เต้นท์พยาบาลของพันธมิตร ทราบชื่อน.ส.พรรณี อมรวิพุธพนิช โต๊ะรายงานพิเศษ คมชัดลึก
09.18 น. นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า วันนี้ ส.ว.คงเข้าประชุมสภา ไม่ได้เพราะเห็นภาพว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังสลายปผู้ชุมนุมเพื่อเปิดเส้นทางให้ ส.ส.-ส.ว.เข้าประชุมสภา โดยรับไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ
10.34 น. รัฐสภาเปิดประชุมแถลงนโยบายรัฐบาล มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร เป็นประธานการประชุม มีสมาชิกเข้าร่วม 320 คน
11.25 น. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุษพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดเผยว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรสุข อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางเข้าพบพล.อ.เปรม
11.30น. ผู้ชุมนุมพันธมิตร เตรียมเคลื่อนย้ายการชุมนุมไปที่รัฐสภา เมื่อมาถึงลานพระบรมรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการขว้างปาระเบิดแก๊สน้ำตาจากทางกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใส่เจ้าหน้าตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้
12.16 น. ภายหลังจากที่พันธมิตรฯ ผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกนอกพื้นที่รอบรัฐสภาแล้ว ขณะนี้ กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ทะยอยมาตรึงกำลังบริเวณ ถ.ราชวิถี และถ.พิชัยทั้งหมด และได้นำรถขนผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข็นมาปิดหน้าประตูรัฐสภา ด้านถ.ราชวิถี
14.26 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้ติดตาม 5-6 คน รวมถึงน.ส.ชิณณิชา บุตรสาว ได้เดินจากอาคารรัฐสภาไปยังอาคารวุฒิสภา และอ้อมไปทางด้านหลังซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์การทำสวน จากนั้นได้ข้ามบันไดเหล็ก เพื่อข้ามกำแพงไปยังฝั่งพระที่นั่งวิมานเมฆ โดยกำแพงสูง 2 เมตรและปลายกำแพงเป็นเหล็กแหลม เจ้าหน้าที่จึงเอาผ้าคลุมเพื่อไม่ให้ถูกเหล็กทิ่ม ทั้งนี้นายกฯ พร้อมบุตรสาว ได้รีบข้ามกำแพงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
14.55 น. มีเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ลำ บินลงมาจอดบริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมลุกฮือพยายามจะปีนกำแพงพระที่นั่งฯ เพราะกลัววว่า ฮ.ลำดังกล่าวจะมารับ ส.ส. และสว.ที่อยู่ในสภาออกไป
15.00 น. มีการประกาศให้ รมต. ส.ส. สว. เจ้าหน้าที่สภา และสื่อมวลชนในสภาให้ขึ้นไปอยู่ในรถตู้ เพื่อเป็นการเตรียมการไว้ ซึ่งมีรายงานข่าวว่า จะมีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ปิดล้อมประตูทางออกรัฐสภาเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ มีการขึงรั้วลวดหนามที่บริเวณข้างถ.ราชวิถี
17.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่แตกกระจายหลังจากที่ถูกแก๊สน้ำตา ต่างได้พากันถอยไปปักหลักอยู่ถนนราชสีมา ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อกลุ่มพันธมิตร ได้ขับรถโตโยต้า ขับพุ่งชนตำรวจ
17.30 น. นายสมชาย วงศสวัสดิ์ แถลงไม่ลาออก หรือยุบสภา จะทำหน้าที่ตราบใดที่อยู่ในหน้าที่ จะไม่ชะลอการทำงาน ส่วนการตัดสินใจจะทำในเวลาที่เหมาะสม
18.00 น. บรรยากาศการชุมนุมบริเวณ ถ.ราชสีมา ฝั่งโรงแรมสวนดุสิต หลังจากตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่พันธมิตร พันธมิตรขับรถหกล้อมุ่งตรงไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปักหลักที่แยกการเรือน ตำรวจจึงได้ระดมยิงปืน และแก๊สน้ำตาเข้าใส่ ทำให้คนขับรถเสียชีวิตคาที่
18.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเคลียร์พื้นที่โดยให้ข้าราชการ และสื่อมวลชน ออกจากอาคารรัฐสภาทั้งหมด
18.30 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงบริเวณรัฐสภา3 ราย
18.50 น. ที่บริเวณ บช.น. ด้านข้างวังปรารุส ตลอดทั้งแนว พันธมิตร กว่า 500 คน บุกปะทะกับตำรวจโดยได้มีการยิงแก๊สน้ำตาเป็นเวลา 10 นาที ภายหลังการปะทะปรากฏว่ากลุ่มพันธมิตร ได้ถอยร่นกลับไปยังบริเวณแยกมิสกวัน
18.50 น. มีเสียงดังคล้ายปืนดังบริเวณบชน.ทำให้ผู้ชุมนุมบริเวณส่วนอัมพร ถอยร่นมารวมตัวกันหน้าสนามเสือป่า นอกจากนี้ได้มีกำลังทหาร 4 คันรถ ได้เสริมกำลังภายในสนามเสือป่าด้วย
19.13 น. ที่หน้าบช.น. พันธมิตร ใช้ท่อนเหล็กโยนใส่จนท.ตร.ถูกบริเวณท้ายทอยพล.ต.ต.โกสิน บุญสร้าง รอง ผบ.ตชด.ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจ ยิงแก๊สไปที่กลุ่มชุมนุม ทำให้พันธมิตร ได้รับบาดเจ็บสาหัสขาท่อนขาล่างขาด 2 ราย
22.20 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณลานพระรูปทรงม้า ได้พยายามที่จะเดินเข้าไปกดดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่เป็นผล จึงใช้ระเบิดเพลิงขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรงวจ แต่เนื่องจากอยู่ในระยะห่างจึงไม่มีใครได้รับอันตราย จึงเดินประชิดเข้ามาทำให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตา 10 กว่านัด
หมายเหตุ : สรุปยอดผู้บาดเจ็บ จากศูนย์เอราวัณ 381 คน นอนโรงพยาบาล 48 ราย ขาขาด 4 ราย นิ้วขาด 2 ราย กำลังผ่าตัด 10 ราย
ด้านกระทรวงสาธารณสุข ปิดเผยยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุชุมนุม ณ เวลา 18.00 น. มี 208 ราย นอนรักษาตัว 26 รายในโรงพยาบาล 6 แห่ง เสียชีวิต 1 ราย