วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เปิดนโยบายรัฐบาล "อภิสิทธิ์1"

หมายเหตุ นโยบายรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 - 30 ธ.ค.นี้ โดยวันนี้ (23 ธ.ค.) คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบร่างแถลงนโยบาย ซึ่งมีความหนา 36 หน้า แบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยที่น่าสนใจคือ การตั้งองค์กรถาวรแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดแดนภาคใต้ กำหนดเป็นเขตพัฒนาพิเศษ เน้นการปลูกฝังค่านิยม "คนไทยต้องไม่โกง"
นโยบายรัฐบาล ระยะ ที่ 1 หรือ ระยะ เร่งด่วนที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 1 ปี

1. การพัฒนาความเชื่อมั่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
โดยการเสริมสร้างความสมานฉันท์ และความสามัคคีของคนในชาติให้เกิดขึ้นโดยเร็ว รับฟังความเห็นของทุกฝ่าย จัดให้มีสำนักงานบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นองค์กรถาวร เพื่อทำหน้าที่แก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดแดนภาคใต้ พร้อมทั้งกำหนดเป็นเขตพัฒนาพิเศษ มีการสนับสนุนแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สิทธิพิเศษ ด้านภาษี พัฒนาเขตอุตสาหกรรมฮาลาล ที่สำคัญกำหนดเป็นเขตพัฒนาพิเศษ ตามความหลากหลายทางวัฒนธรรม และส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางอิสลามการศึกษานานาชาติ เน้นการปฏิรูปการเมือง มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางการดำเนินการปฏิรูปโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย

เร่งสร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตาชาวโลก โดยจะมีการเร่งลงนาม ข้อตกลงในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนให้แล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2552 และเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือน ก.พ.นี้
ฟื้นฟูเเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาเป็นการเร่งด่วน โดยจะมีการออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้นที่ครอบคลุมภาคเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การส่งออก รวมถึงอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม พร้อมกับทำงบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติมประจำปี พ.ศ.2552 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเม็ดเงินของรัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจะมีการปรับแผนงบประมาณ รายจ่ายปี 2552 ที่มีอยู่แล้ว ในการจัดอบรมและสัมมนา ให้กระจายทั่วประเทศเร่งลงทุน เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยให้ความสำคัญกับโครงการลงทุนที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด
เร่งสร้างบรรยากาศในการลงทุน เน้นการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งมวลชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

2.การรักษาและเพิ่มรายได้ของประชาชน
เน้นความร่วมมือของภาคเอกชน ในการดำเนินมาตรการชะลอการเลิกจ้าง และป้องกันการขยายตัวของการเลิกจ้าง ในภาคอุตสาหกรรมทั้งขนาดใหญ่ เล็กและย่อม ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเฉพาะหน้า เพื่อรองรับปัญหาแรงงานว่างงาน จากภาคอุตสาหกรรม และนักศึกษาจบใหม่ โดยจัดโครงการฝึกอบรมแรงงานว่างงาน กว่า 5 แสนคน ในระยะเวลา 1 ปี เร่งรัดดำเนินการช่วยเหลือความเดือดร้อนของลูกจ้าง และผู้ว่างงานจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยจะเร่งให้ได้สิทธิประโยชน์ที่พึ่งได้ตามกฎหมายโดยเร็ว

การเพิ่มวงเงินให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และให้ผู้ถูกเลิกจ้างเข้าถึงแหล่งทุน สร้างหลักประกันด้านรายได้ ให้แก่ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้ไม่เพียงพอ โดยจัดเบี้ยเลี้ยงยังชีพให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยการขอขึ้นทะเบียนขอรับการสงเคราะห์ รวมทั้งขยายเพดาน ให้กู้ยืมจากกองทุนผูสูงอายุ เป็น 30,000 ต่อราย

เพิ่มมาตรการด้านการคลัง เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของประชาชน และกระตุ้นธุรกิจในสาขาที่ถูกผลกระทบ สร้างรายได้และศักยภาพทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากโดยการตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง จัดสรรวงเงินเพิ่มจากที่เคยให้ เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณอย่างรวดเร็ว ดำเนินการมาตรการรักษาเสถียรภาพ ราคาสินค้าเกษตร ผ่านกลไกและเครื่องมือของรัฐให้มีประสิทธิภาพ เร่งสร้างระบบประกันความเสี่ยงทางการเกษตร เร่งรัดและพัฒนาตลาด ระบบการจ่ายสินค้า ของสินค้าเกษตร และสินค้าชุมชน

จัดตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อให้เกษตรกรมีส่วนร่วม ในการรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร ส่งเสริมบทบาทอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน (อสม.)ทั่วประเทศ โดยจัดให้มีสวัสดิการค่าตอบแทนให้ อสม.เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน

3.การลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
ให้ทุกคนมีโอกาสรับการศึกษาฟรี 15 ปี โดยสนับสนุนตำราฟรี ชุดนักเรียนฟรีให้ทันปีการศึกษา 2552 ทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อชดเชยรายการต่าง ๆ ที่โรงเรียนเรียกเก็บจากผู้ปกครอง กำกับดูแลราคาสินค้า อุปโภค บริโภค และบริการที่มีความจำเป็นต่อการครองชีพ ให้มีราคาที่เป็นธรรม ดำเนินการมาตรการลดภาระค่าครองชีพ ของประชาชนในการเดินทางก๊าซหุงต้ม การบริการด้านสาธารณูปโภคให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ บนหลักการของการประหยัด

4. ตั้งคณะกรรมการ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน
เพื่อแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ (กรอ.) เพื่อเร่งรัดติดตามแก้ไขปัญหา ลดขั้นตอนการปฏิบัติ และกำหนดมาตรการ โครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว
ระยะที่ 2 บริหารราชการเป็นเวลา 3 กำหนดไว้ดังนี้

1. เร่งนโยบายความมั่นคงของรัฐด้วยการปกป้อง เทิดทูนพระมหากษัตริย์
เสริมสร้างพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศให้มีความพร้อม ในการรักษาเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติ เตรียมความพร้อมของกองทัพ ฝึกกำลังพลให้เกิดความชำนาญ จัดให้มีแผนสำรองอาวุธ และพลังงานเพื่อความมั่นคง ปรับสิทธิประโยชน์ กำลังพล เบี้ยเลี้ยง และค่าเสบียงสนาม ของทหารหลัก และทหารพราน ให้สอดคล้องกับสภาวเศรฐกิจ เร่งแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการเจรจาโดยสันติวิธี ให้ความสำคัญกับการสำรวจ และการปักปันเขตแดน กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างถูกต้อง ตามข้อตกลง และสนธิสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน แก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ ปัญหาแรงงานต่างด้าว เสริมสร้างศักยภาพในการจัดการปัญหาภัยคุกคามข้ามชาติ และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหา การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ ตลอดจนพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับนานาชาติในกรอบสหประชาชาติ
2. นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต เน้นนโยบายด้านการศึกษา
มีการปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พัฒนาบุคลากร เน้นการเรียนรู้มมุ่งคุณธรรม และมีการกระจายอำนาจทุกภาคส่วน ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา โดยเน้นระดับอาชีวะ และอุดมศึกษา พัฒนาบุคลากรทางการศึกษา ให้มีคุณภาพ และมีวิทยฐานะสูงขึ้น ดูแลคุณภาพชีวิตของครู ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ และจัดตั้งกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตครู จัดให้ทุกคนมีโอกาสศึกษาฟรี ตั้งแต่อนุบาลไปจนมัธยมปลาย ยกระดับมาตรฐานการศึกษาระดับอาชีวะศึกษา และอุดมศึกษาสู่ความเป็นเลิศ

ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาให้มีการประนอม และไกล่เกลี่ยหนี้ รวมทั้วขยายกองทุนให้กู้ยืม เพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น ให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา ระดับอาชีวะ และปริญญาตรีเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ เร่งรัดการลงทุนด้านการศึกษา เน้นเรื่องการวิจัย ปรับเกณฑ์มาตรฐาน ส่งเสริมความเป็นเลิศ ของมหาวิทยาลัย เป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค ที่เน้นการวิจัย และแก้ปัญหา

นโยบายแรงงาน เน้นการแก้ไขแรงงานทั้งระบบได้มาตรฐาน แรงงานต้องได้สิทธิคุ้มครองให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ปฏิรูประบบประกันสังคมให้มีความเข้มแข็ง ยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อให้ไปทำงานในต่างประเทศได้อย่างมีคุณภาพ จัดตั้งสถาบันความปลอดภัยในการทำงาน มีสถานดูแลเด็กอ่อนในสถานประกอบการ จัดระบบแรงงานต่างด้าวให้สอดคล้องกัยภาคผลิต ไม่กระทบแรงงานไทย ส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ และผู้พิการ

นโยบายด้านสาธารณสุข ส่งเสริมบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีส่วนร่วมในการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข โดยจัดสรรทุนเพื่อให้กลับมาทำงานในท้องถิ่น สร้างขีดความสามารถในการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคที่กลายพันธุ์ และเป็นสายพันธุ์ใหม่ อย่างทันต่อสถานการณ์ไม่ให้ระบาดซ้ำ ปรับปรุงระบบบริการสาธารณสุข โดยการลงทุนพัฒนา ระบบบริการสาธารณสุขภาครัฐให้มีมาตรฐานทุกระดับ ยกระดับสถานีอนามัย เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ทำให้ระบบประดันสุขภาพเชื่อมโยงระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก และการบริการครอบคลุม ลงทุนผลิต และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งสนับสนุนเทคโนโลยีด้านสุขภาพให้ทันสมัย ปรับปรุงระเบียบ เพื่อให้มีรายได้และค่าตอบแทนที่เหมาะสม และผลักดัน การขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ ในระดับนานาชาติ
นโยบายด้านศาสนา ศิลป และวัฒนธรรม ส่งเสริมการทำนุ บำรุง ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และภูมิปัญญาไทย ส่งเสริมค่านิยมที่ดีงาม เรียนรู้ให้มีการเผยแพร่สู่สังคมโลก สร้างความเป็นเอกลักษณ์
นโยบายด้านสวัสดิการและความมั่นคงของมนุษย์ เน้นแก้ไขปัญหาความยากจน จัดหาที่ดินทำกินให้ผู้มีรายได้น้อย ปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน ยืดระยะเวลาชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย หรือพักชำระดอกเบี้ย เร่งรัดให้มีการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบ สร้างความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ป้องกันปัญหาอาชญากรรม

นโยบายการกีฬา และนันทนาการ ส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มออกกำลังกาย พัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศ ตั้งศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ นำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้เพื่อยกมาตรฐานให้ทัดเทียมนานาชาติ

3.นโยบายเศรษฐกิจ เน้นนโยบาบบริการเศรษฐกิจมหภาค
สนับสนุนให้เศรษฐกิจมีการเจริญอย่างต่อเนื่อง สร้างเสถียรภาพอย่างมั่นคงของสถาบันการเงิน และสร้างความร่วมมือทางการเงิน ภายใต้กรอบการประชุมสุดยอมอาเซียน พัฒนาตลาดทุน และระบบสถาบันการเงินให้เข้มแข็ง สามารถรองรับผลกระทบจาความผันผวนของสภาวะการเงินโลก ส่งเสริมและรักษาวินัยการคลัง โดยปรับปรุงแนวทางการจัดสรรงบประมาณของประเทศ ให้สอดคล่องกับกำลังเงินของแผ่นดิน ปรับปรุงโครงสร้างภาษีและการจัดเก็บภาษีให้มีความเป็นธรรมโปร่งใส กำหนดกรอบลการลงทุนภาครัฐ รวมทั้งพัฒนาเครื่องมือ และกลไกการระทุนให้มีประสิทธิภาพ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สุงสุด ลดต้นทุนการผลิต และการดำเนินการ

นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในส่วนของภาคการเกษตร
เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร และพัฒนาระบบโลจิสติกส์เกษตร ส่งเสริมอาชีพ และการนขยายโอกาสการทำประมงทั้งชายฝั่งและประงมงน้ำจืด จัดตั้งองค์กรระดับชาติเพื่อแก้ไขปและพัฒนาประมงประเทศ พัฒนาศักยภาพปศุสัตว์ โดยปรับปรุงและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์เศรษฐกิจ เช่น โค กระบือ ดูแลสินค้าการเกษตร โดยมีระบบประกันความเสี่ยงด้านราคาสินค้า ผลักดันให้มีการเปิดตลาดสินค้าการเกษตรแห่งใหม่ให้ครอบคลุมทั่วโลก ส่งเสริมเพิ่มมูลค่าเกษตรโดยการส่งเสริมการวิจัย พัฒนามาตรฐาน และความปลอดภัยสินค้าเกษตรอย่างครบวงจร สร้างความมั่นคงด้านอาหาร โดยเน้นตามแนวทางพระราชดำริ มีธนาคารโค กระบือ สนับสนุนแนวทางเกษตรอินทรีย์ แก้ไขปัญหาหนี้สิน ฟื้นฟูอาชีพ ความเป็นอยู่ของเกษตรกร
ภาคอุตสาหกรรม เน้นสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกให้อุตสาหกรรมไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า เน้นการวิจัยระหว่างรัฐกับเอกชน เพื่อพัฒนาสินค้า กำพหนดมาตรฐาน อุตสาหกรรมการผลิต เครื่องจักรในประเทศ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร และอัญมณี โดยส่งเสริมด้วยการลดต้นทุนทางภาษี คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญหา เร่งผลิตบุคลากรด้านอาชีวะ ตามความต้องการของตลาด จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยคำนึงถึงความอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของชุมชน ส่วนเสริมให้อุตสาหกรรมมีความรับผิดชอบต่อสังคม เน้นคุณภาพ มาตรฐานรักษาสิ่งแวดล้อม
ภาคการท่องเที่ยวและการบริการ
เพิ่มความหลากหลายของธุรกิจบริการ พัฒนาฝีมือบริการในด้านคุณภาพ และภาษา พัฒนาแหล่งท่อมเที่ยวทั้งของรัฐ และเอกชน ให้ยังคงสภาพ เป็นจุดขาย โดยเน้นตามกลุ่มจังหวัด ให้มีความเหมาะสม เช่น กทม. ที่ทรงเสน่ห์ อันดามัน เป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก ภาคเหนือเป็นศูนย์กลางอารยธรรมล้านนา ภาคอีสาน เป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โบราณคดี วัฒนธรรม และชายแดน ภาคกลางเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวอารยธรรม มรดกโลก และมรดกธรรมชาติ มีการพัฒนามาตรฐานธุรกิจการท่องเที่ยว เช่นโรงแรมพนักงาน บริษัทนำเที่ยวอาหาร เสริมสร้างความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เน้นการประชาสัมพันธ์ สนับสนุนจุดขายที่มีความโดดเด่นให้เป็นศูนย์กลางระดับโลก โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมรักษาสภาพแวดล้อม ให้คงอยู่ต่อไป

ด้านการตลาด การค้า และการลงทุน
ส่งเสริมระบบการค้าเสรี และเป็นธรรม มีการบังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้า เพื่อป้องกันการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ป้องกันการผูกขาด ตัดตอน รวมทั้งออกกฎหมายค้าปลีก เพื่อกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีกอย่างเป็นระบบ ขยายฐานการตลาดไปสู่ประเทศใหม่ เช่น ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และเอเชีย และพัฒนาระบบการกระจายสินค้าให้เกิดความรวดเร็ว ใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการเค้าเสรี ทั้งในระดับทวิภาค และพหุภาคี ปรับปรุงมาตรฐานการนำเข้า เพื่อป้องการกัารค้าไม่เป็นธรรม การทุ่มตลาด ส่งเสริมการลงทุนภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะด้านอาหาร อุตสาหกรรมภาพยนต์ พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศ ในสาขาที่ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ ปรับปรุงและเร่งรัด กระบวนการพิจารณา อุทธรณ์เรื่องภาษี โดยยกระดับหน่วยงานที่พิจารณาเรื่องอุทธรณ์ จากระดับกรม ขึ้นมาในระดับกระทรวง และให้ตัวแทนภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณา ตัดสินอุทธรณ์ เช่นเดียวกับผู้พิพากษาสมทบ รวมทั้งมีการกำหนดเวลาแน่นอนในการวินิจฉัยคำอุทธรณ์
นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
โดยการขยายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน พัฒนาระบบคมนาคม ขนส่ง แบบโลจิสติกส์ พัฒนาระบบโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใน กทม. และปริมณฑลให้สมบูรณ์ สามารถเชื่อมต่อชานเมือง พัฒนาระบบรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางที่มีปริมาณการขนส่งหนาแน่น พัฒนากิจการพานิชย์นาวี และโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำ เพื่อเพิ่มสัดส่วนในการขนส่งทางน้ำมากขึ้น พัฒนาและขยายความสามารถการขนส่งทางอากาศในภูมิภาค พัฒนาระบบขนส่งระบบโลจิสติกส์ ในภูมิภาค และเชื่อมโยงกับโครงข่ายคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามแนวเศรษฐกิจเหนือ - ใต้ แนวเศรษฐกิจ ตะวันออก - ตะวันตก โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมอ่าวไทย และอันดามัน โครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย รวมทั้งปรับปรุงอำนวยความสะดวกทางการค้า การขนส่งสินค้า ตามจุดชายแดนสำคัญ เช่น ด่านหนองคาย แม่สอด มุกดาหาร สระแก้ว ด่านสิงขร และช่องเม็ค
นโยบายด้านพลังงาน
พัฒนาให้ไทยสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้น จัดหาพลังงานทดแทน และมีเสถียรภาพ ส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก สนับสนุนใช้พลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล กำกับดูแลราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมมีเสถียรภาพ เป็นธรรมต่อประชาชน ส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ทั้งภาครัฐเรื่องอุตสาหกรรม บริการและขนส่ง เพื่อให้เกิดจิตสำนึกในการประหยัดพลังงาน เน้นการใช้พลังงานสะอาด เพื่อไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมลดเรือนกระจก

นโยบายเทคโนโยโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร
พัฒนาโครงข่ายสื่อสารพื้นฐานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งการพัฒนา ศักยภาพของบุคลากร ในอุตสากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งซอฟแวร์ และฮาร์ดแวร์

4.นโยบายที่ดินทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม โดยเน้นการคุ้มครองทัพยากรธรรมชาติ และสัตว์ป่า เน้นการฟื้นฟูอนุรักษ์ระบบนิเวศ เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ
จัดให้มีระบบป้องกัน เตือนภัย และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย ควบคุมของเสียที่จะเกิดมลพิษด้วยการหามาตรการจูงใจในเรื่องภาษีและสิทธิต่าง ๆ จากผู้ประกอบการเพื่อลดปัญหาโลกร้อน และมลพิษ ให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง
5.นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม
เน้นการวิจัยตามแนวพระราชดำริ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพานิชย์ และอุตสาหกรรม เร่งรัดผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดให้มีกองทุนวิจัยร่วมภาครัฐและเอกชน ที่รัฐลงทุนร้อยละ 50 และจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้เอกชนที่เข้าร่วมงานวิจัย

6.นโยบายด้านการต่างประเทศ และเศรษฐกิจการต่างประเทศ
โดยการพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านในทุกมิติ เร่งรัดแก้ปัญหาข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค สร้างความแข็งแกร่งของอาเซียนเพื่อให้บรรลุข้อตกลงอาเซียนในวาระที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศมุสลิม และแนวทางแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระชับความร่วมมือ และความเป็นหุ้นส่วน ทางยุทธศาสตร์ กับประเทศที่มีบทบาทสำคัญของโลก และประเทศคู่ค้าของไทยในภูมิภาค ร่วมกันแสวงหาตลาดใหม่ ส่งเสริมเข้าร่วม ในข้อตกลงระหว่างประเทศ ทั้งทวิภาคี และพหุภาคี เร่งรัดการให้สัตยาบันในข้อตกลงที่ได้ลงนามไว้แล้ว สร้างความเชื่อมั่นของต่างชาติต่อประเทศไทยโดยเร็ว คุ้มครองสิทธิประโยชน์และผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศ
7.นโยบายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
เน้นประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน สนับสนุนการกระจายอำนาจการคลังสู่ท้องถิ่น และการกระจายอำนาจสู่การปกครองท้องถิ่น ปรับบทบาท และภารกิจ การบริหารระหว่างส่วนกลาง กับส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจน ไม่ให้ซ้ำซ้อน มีการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ สนับสนุนให้มีการบริหารท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ปรับเงินเดือนค่าจ้างค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์ของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เหมาะสมกับความสามารถ

นโยบายด้านกฎหมาย
ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่ล้าสมัย และเปิดช่องให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น และมีผลประโยชน์ทับซ้อน ขยายและยกเลิกอายุความ ในคดีอาญาบางประเภท และคดีทุจริต ปราบปรามการทุจริตทุกระดับ สนับสนุนให้ประชาชน ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมากขึ้น พร้อมทั้งเน้นการปลูกฝังค่านิยม " คนไทยต้องไม่โกง"
พัฒนาระบบยุติธรรมให้สะดวก มีประสิทธิภาพ และโปร่งใ
จัดให้มีการตั้งองค์กร ประนอมข้อพิพาท มีกระบวนการชะลอการฟ้องสำหรับคดีประมาท และคดีที่มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 3ปี เป็นอย่างน้อย พัฒนาระบบกฎหมายให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและสังคม เร่งดำเนินการจัดตั้ง องค์กร เพื่อปฏิรูปกฎหมาย และองค์กรเพื่อปฏิรูปแกระบวนการยุติธรรม สนับสนุน และพัฒนาตำรวจ ให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และเป็นตำรวจมืออาชีพ ที่มีเกียรติ และศักดิ์ศรี
รวมทั้งดำเนินการ ให้มีการกระจายอำนาจ ของตำรวจไปยังภูมิภาค เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตาม ประเมินผลการทำงาน ของตำรวจ อัยการ และผู้ใช้ อำนาจรัฐอื่น ๆ
นโยบายด้านสื่อ และการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
ส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้ข้อมูลทางราชการ และสาธารณอย่างกว้างขวาง ปรับปรุงกลไกการสื่อสารภาครัฐ ให้ดำรงบทบาทสื่อเพื่อประโยชน์สาธารณะ และสร้างความสมานฉันท์ในชาติ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมนชนมีส่วนเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโชย์ต่อสาธารณะ ที่มีกิจกรรมตอบแทนเชิงพาณิชย์ต่ำ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ และจัดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ เพื่อให้สื่อมีเสรี ปราศจากการแทรกแซง มีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งยกเลิกและปรับปรุง กฎหมาย ที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชนตามรัฐ