วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเพื่อไทยโมฆะตั้งแต่ยังไม่ร่าง

หมวดข่าว : วิเคราะห์

โดยกองบรรณาธิการ



ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พูดถึงแนวคิดออกพ.ร.บ.อภัยโทษ และพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้กับทุกคดีอาญาที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ว่า หากได้รับมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่หัวหน้าทีมปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ก็จะเสนอที่ประชุมพรรคเพื่อขอมติ ชูแคมเปญที่จะขออนุญาตจากประชาชนว่า บ้านเมืองมีเรื่องจำเป็นต้องทำ 3 เรื่องคือ


1.หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ใครก็ตามที่โดนลงโทษตามคำพิพากษาของศาล จะขออนุญาติออกพ.ร.บ.อภัยโทษให้กับทุกคน

2.ทุกคนที่ถูกกล่าวหาหรือมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล จะแก้ปัญหาด้วยการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ทุกฝ่าย

3.จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเอารัฐธรรมนูญ 2540 เป็นตัวตั้ง

"เป็นการบอกให้ประชาชนรู้ว่าถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราก็จะทำในเรื่องเหล่านี้ ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็เลือกพรรคเพื่อไทยให้มาก แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เลือกเรา ก็จบ ถือเป็นการขอประชามติจากประชาชนโดยตรงว่าเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่เสนออย่างนี้ปัญหาก็ไม่จบเสียที ก็วัดกันด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งไปเลย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังไม่ได้เริ่มยกร่างใดๆ ทั้งสิ้น และที่เสนอออกพ.ร.บ.จะมีเฉพาะคดีอาญาเท่านั้น ไม่รวมคดีการเมืองอย่างคดียุบพรรค"

ที่ร.ต.อ.พูดมา นั้น เป็นผลมาจากการสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โนอินมาปลุกระดมลูกะรรคเพื่อไทยให้พร้อมใจกันสู้ จึงได้มีประกาศ "ปฏิญญาเขาใหญ่" ซึ่งนโยบายออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่นักการเมืองที่โดนเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมอยู่ด้วย

นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เตือนให้ระวังว่า ความคิดเช่นนั้นจะเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น เหตุเพราะ

ประการแรก ชื่อกฎหมายก็บอกชัดอยู่แล้วว่าเป็นการนิรโทษกรรมให้บุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นอันตรายต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่อว่าหลักการ เหตุผล และแม้ชื่อร่างกฎหมายนี้ก็น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ประการที่สอง บทมาตราในร่างกฎหมายนี้คือการนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่ต้องคำพิพากษาในลักษณะดังกล่าว จึงขัดกับรัฐธรรมนูญในบทบัญญัติที่ต้องพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ประการที่สาม ส.ส.และ ส.ว. มีพันธกิจในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญตามที่ได้ปฏิญาณตน โดยเฉพาะคือการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ การปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การนิรโทษกรรมจึงกระทบต่อการทำหน้าที่และจะทำให้เป็นการทำหน้าที่ไม่

ประการที่สี่ การยุบพรรคนั้นเป็นผลจากคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลผูกพันทุกองค์กร รวมทั้งรัฐสภาด้วย ความผูกพันมีทั้งในส่วนคำวินิจฉัยและคำตัดสิน ซึ่งในส่วนคำวินิจฉัยนั้นที่มีผลผูกพันอันเป็นนัยยะสำคัญคือคำวินิจฉัยที่ว่า

"พรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ดำเนินการทางการเมืองเพื่อประชาชน แต่เป็นการดำเนินงานทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว เป็นการดำเนินงานทางการเมืองที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นการดำเนินงานทางการเมืองทีเป็นอันตรายต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

คำวินิจฉัยนี้ผูกมัดและผูกพันทุกองค์กรให้จำเป็นต้องถือและปฏิบัติตาม ดังนั้นโดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจึงไม่อาจจะนิรโทษกรรมให้แก่นักการเมืองเหล่านั้นได้ และความพยายามใด ๆ ที่จะนิรโทษกรรมทางการเมืองอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย

ดังนั้น ร่างกฎหมายนี้จึงส่อว่าจะเป็นโมฆะ และต้องระมัดระวังด้วยว่าผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายอาจถูกกล่าวหาได้ว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งได้

เพื่อไทยแฉ 2 ส.ส.รัฐบาลตุกติกลงคะแนนแทนกันทำให้องค์ประชุมครบ

หมวดข่าว : การเมือง

โดยทีมข่าว : รัฐสภา
ส.ส.เพื่อไทยแฉ 2 ส.ส. รัฐบาล ตุกติกเพราะตัวโผลงานหมอลำซิ่ง แต่มีคนกดบัตรแสดงตน ส่วนอีกคนลงคะแนนซ้ำ จนทำให้องค์ประชุมครบ ถามหาจิตสำนึกรัฐบาล

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวพร้อมนำบันทึกการลงคะแนนมาชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า ไม่คิดว่าจะพบกับสิ่งที่ไม่ต้องพิสูจน์ หลังจากที่ตนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เมื่อคืนวันพุธที่4 ก.พ.ที่ ผ่านมาแต่รัฐบาลกลับตำหนิว่าเป็นการนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ ทั้งที่เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ อาจมีปัญหาหลังจากเห็นว่าในห้องประชุมสภาฯมี ส.ส.เหลืออยู่โหรงเหรง

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้เคยเสนอนับองค์ประชุมครั้งแรกด้วยการเสียบบัตรไปก่อน ก็พบว่านายตุ่น จินตะเวช ส.ส.อุบลราชธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีชื่อว่าเสียบบัตรลงคะแนน ความจริงแล้วกลับไปปรากฎตัวในงานหมอลำซิ่งที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เขาได้ตรวจสอบว่ามีการเดินทางโดยเครื่องบิน และมีเลขที่นั่งชัดเจน ขณะที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมาแสดงตนด้วยวาจา ปรากฎว่ากลับมีบันทึกในรายงานของเจ้าหน้าที่สภาฯว่ามีการกดบัตรแสดงตนไปแล้วเช่นกัน

นายประชา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นจิตสำนึกของฝ่ายรัฐบาลที่พูดเสมอว่าให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลมีความอ่อนแอ ในสภาฯยังหลอกลวงแล้วจะมาบริหารประเทศให้สุจริตได้อย่างไร หากสภาฯไปไม่ได้ นายกฯก็ควรลาออกหรือยุบสภาไปเสีย อย่าให้มีพฤติกรรมแบบนี้อีก และประธานสภาฯควรมีการสอบสวนว่าใครเสียบบัตรแทนกันต้องสมควรได้รับการลงโทษ

กรรมาธิการปปช.สภาฯเปิดเอกสารลับปมร้อนปลากระป๋องเน่า

หมวดข่าว : การเมือง

โดยทีมข่าว : รัฐสภา

ปลัดปพม.ก้นร้อน กรรมาธิกาปปช.สภาฯ เปิดเอกสารปลากระป๋องเน่า 2 ฉบับโชว์สื่อ แฉพิรุธส่งมอบไม่ตรงกัน ตั้งข้อหาทำเอกสารเท็จ จี้แจงด่วน ขู่มีสิทธิ์โดนเด้งฐานผิดอาญา และจะตามสอบการขาย-ภาษีย้อนหลังบริษัทผู้ผลิต

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่มีมติให้รับเรื่องกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ ร้องขอให้ตรวจสอบกรณีการแจกถุงยังชีพซึ่งมีปลากระป๋องที่หมดอายุ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เข้าชี้แจง เนื่องจากมีหนังสือทางราชการ 2 ฉบับที่มีความขัดแย้งกันเอง

ทั้งนี้ ฉบับแรกนายวัลลภ ได้ทำหนังสือที่พม. 0201/1493 ลงวันที่ 19 ม.ค.2552 ถึงนายวิฑูรย์ ในฐานะรมว.การพัฒนาสังคมฯในขณะนั้น โดยระบุว่า ขอชี้แจงในเรื่องดังกล่าวว่า ทางสำนักงานปลัดกระทรวงได้รับการประสานแจ้งว่านายวิเชน สมมาตร มีความประสงค์จะบริจาคถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนในจ.พัทลุง จำนวน 5 พันชุด โดยจะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งเอง ทางสำนักงานปลัดจึงได้ประสานแจ้งไปยังพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.พัทลุง (พมจ.พัทลุง) ทราบ เพื่อดำเนินการตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค โดยมีถุงยังชีพที่ส่งมอบและดำเนินการแจกจ่ายให้ประชาชนแล้วจำนวน 1,500 ชุด ทั้งนี้ในช่วงปีงบประมาณ 2552 ที่ผ่านมาสำนักงานปลัดฯ ไม่เคยมีการจัดซื้อถุงยังชีพแต่อย่างใด

นายชาญชัย เปิดเผยว่า จากการประสานขอข้อมูลจากทางอย.และคณะกรรมการที่ลงไปตรวจสอบโรงงานที่ผลิตปลากระป๋อง นายทนง ทองกิ่งแก้ว เจ้าของโรงงานที่ผลิต ภายใต้บริษัท ทองกิ่งแก้วฟู้ดส์ จำกัด ระบุว่าเป็นการขายหน้าโรงงานแต่ไม่ทราบคนจัดซื้อ เป็นการจ่ายเงินสด ส่วนจะนำปลากระป๋องชุดดังกล่าวไปบริจาคหรือไม่นั้นไม่ทราบ

"มีข้อน่าสงสัยว่าภายหลังเกิดเหตุนายทนง กลับบอกว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บปลากระป๋องล๊อตดังกล่าวคืนมาทั้งหมด ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่พูดมาตั้งแต่ต้น"

อย่างไรก็ตาม พมจ.พัทลุง ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรว่า นายวิเชน ไม่ได้บริจาคของที่จ.พัทลุง แต่เป็นการจัดส่งมาจากส่วนกลาง ซึ่งนายชาญชัย กล่าวว่า แสดงว่าหนังสือที่ปลัดกระทรวงทำถึงรัฐมนตรีกับการชี้แจงของ พมจ.พัทลุง ขัดกัน เพราะมีหนังสืออีกฉบับหนึ่งทางพม.จ.พัทลุง ได้ทำถึงสำนักงานปลัดกระทรวงเลขที่ พท.0004/132 ซึ่งระบุว่าตามหนังสือที่พม.0201/707 ลงวันที่ 9 ม.ค. 2552 แจ้งว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้รับการประสานจากนายวิเชน ที่มีความประสงค์บริจาคถุงยังชีพ โดยจะบริการจัดส่งให้ถึงพื้นที่จำนวน 5 พันชุดนั้น ทางพม.จ.พัทลุง ได้รับถุงยังชีพจำนวน 1,500 ชุด ซึ่งจัดส่งถึงพื้นที่วัดท่าสำเภาเหนือ ต.ชัยบุรี อ.เมือง พัทลุง เมื่อวันที่ 11 ม.ค2552 เรียบร้อยแล้ว แต่ได้มีการเขียนด้วยลายมือกำกับในตอนท้ายของหนังสือว่า “ไม่มีเพราะรับที่พัทลุง”

ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบว่าเอกสารใดเป็นเอกสารเท็จแน่ โดยปลัดกระทรวงต้องรับผิดชอบไปเต็ม ๆ หากพิสูจน์ได้ว่านายวิเชน ไม่ได้ไปบริจาคในพื้นที่อาจต้องโดนดำเนินคดีอาญา ฐานทำเอกสารรายงานเท็จต่อรัฐมนตรี

"ผมไม่ได้กล่าวหาว่าปลัดกระทรวงผิด แต่ท่านต้องมาชี้แจงในสัปดาห์หน้า ถ้าไม่มา หรือชี้แจงไม่ตรงกับความจริงผมจะแจ้งความดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และอาจถึงขั้นถูกย้ายทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเอาผิดถึงอดีตรมว.การพัฒนาสังคมฯ ได้หรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า ต้องสอบไปตามข้อเท็จจริง โดยไม่ได้กำหนดว่าขอบเขตอยู่ที่ใคร สอบถึงใครคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ ไม่มีใครปิดข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น ต้องขอความร่วมมือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้จัดเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อง่ายกับการตรวจสอบ ในส่วนของนายทนง ทางกรรมาธิการฯต้องเรียกมาสอบด้วย ถ้าไม่มาชี้แจงก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญาเช่นกัน และอาจจะให้กรมสรรพากรลงไปสอบถึงการเสียภาษีที่ผ่านมาด้วย แต่เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้จะตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่าบริษัทดังกล่าวได้เคยขายสินค้าให้กับกระทรวงกี่ครั้ง หากพบว่าผิดปกติรับรองมีคดีอาญาตามมาอีกหลายเรื่องแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาญชัย ได้แจกเอกสารการชี้แจงของนายทนง ต่ออย. โดยเอกสารระบุถึงข้อเท็จจริงกรณีปลากระป๋องมีกลิ่นคาวปลาว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทได้ผลิตปลากระป๋องตามมาตรฐานความสะอาด แต่กลินควาปลาน่าจะมาจากเครื่องคว่ำน้ำปลายที่หมุนเร็วเกินไป จนไม่สามารถทิ้งน้ำในกระป๋องที่เกิดจากการนึ่งออกไปได้หมด ทำให้เติมซอสมะเขือเทศในกระป๋องไม่ได้ตามขนาด เมื่อไปผสมกับน้ำที่เกิดจากการนึ่งปลาจึงมีกลิ่นคาวปลาอย่างแรง

ทั้งนี้ ผลวิเคราะห์ของอย.ระบุไม่พบสารปนเปื้อนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเรื่องทางบริษัทได้ส่งพนักงานลงไปตรวจสอบ และเรียกเก็บสินค้าคืนทั้งหมด พร้อมทั้งกล่าวขอโทษต่อชาวบ้าน และมอบเงินช่วยเหลือไปส่วนหนึ่งผ่านทางผู้ใหญ่บ้านเรียบร้อยแล้ว และได้รับคำยืนยันจากผู้ใหญ่บ้านในที่เกิดเหตุว่าไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายจากปลากระป๋องดังกล่าว

ส่วนข้อเท็จจริงกรณีวันเดือนปีที่ผลิตไม่ตรงกับความจริงนั้น ในเอกสารได้ยอมรับว่ามีการตีพิมพ์วันเดือนปีที่ผลิตไว้ล่วงหน้าเพื่อเก็บเอาไว้ขายในเดือนถัดไป เนื่องจากโรงงานจะหยุดการผลิตในเดือนส.ค.2551 โดยไม่ทราบว่าเป็นการผิดตามพ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 และพร้อมขอรับโทษต่อไป

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยืนยันว่าบริษัทไม่มีผู้ถือหุ้นเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูง หรือมีตำแหน่งที่ปรึกษาเป็นนักการเมืองตามที่ตกเป็นข่าว ดังนั้น จึงขอความเมตตาสงสารบริษัทด้วย เพราะยังไม่ทราบว่าจะกลับมาทำธุรกิจเมื่อใด และจะส่งผลมูลค่าความเสียหายมากมายจนไม่อาจรับได้