วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วธ.โชว์ภาพ84 ศิลปินพระจริยวัตรพระพี่นางฯ


ศิลปินวาดภาพพระประวัติ-พระจริยวัตร "พระพี่นางฯ" เสร็จแล้ว พร้อมเผยโฉม 4 ภาพใหญ่ เล่าเรื่องราวตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนเจริญพระชันษาขึ้น ติดตั้งบริเวณรั้วราชวัตร ให้แล้วเสร็จก่อนในหลวงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรพระเมรุ 20 ต.ค.นี้


ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ผู้อำนวยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยวานนี้ (15 ต.ค.) ถึงความคืบหน้าโครงการศิลปกรรมพระประวัติและพระกรณียกิจ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ศิลปินทั้ง 84 คน ได้วาดภาพศิลปกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระประวัติ พระกรณียกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ละภาพมีการนำเสนอที่น่าสนใจ เนื่องจากศิลปินได้เลือกแบบจากพระฉายาลักษณ์ที่มีอยู่แล้ว และนำมาเป็นแบบวาด


ศ.ดร.อภินันท์ เปิดเผยด้วยว่า ศิลปินจะต้องปรับจากภาพถ่าย มาเป็นภาพเขียนด้วยสีน้ำมัน และสีอะคริลิก พร้อมทั้งสอดแทรกจินตนาการ และความรู้สึกของตนเองลงไปในภาพนั้นๆ ให้มีความสอดคล้องกับองค์ประกอบหลักโดยยึดรายละเอียดที่ใช้เทคโนโลยีจิตรกรรมไทยผสมผสานกับเทคนิคส่วนตัว โดย สศร.จะมีการแถลงข่าวเปิดตัวศิลปิน 84 คน 84 ภาพ ที่โรงแรมรอยัล (รัตนโกสินทร์) ถนนราชดำเนิน ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ เวลา 11.00 น.


ส่วนการติดตั้งภาพศิลปกรรมทั้ง 84 ภาพนั้น ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า จะแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดแรก 4 ภาพ เป็นผลงานของ 4 ศิลปินชื่อดัง คือ ธีระวัฒน์ คะนะมะ ปรีชา เถาทอง พรชัย ใจมา สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ ซึ่งทั้ง 4 ภาพมีความเป็นเอกภาพ สามารถบรรยายเรื่องราวได้ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนเจริญพระชันษาขึ้น ติดตั้งบริเวณรั้วราชวัตร


ขณะที่ชุดที่สอง 80 ภาพเป็นภาพพระประวัติและพระจริยวัตรทั่วไป ติดตั้งบริเวณศาลาลูกขุน เบื้องต้น สศร.จะเร่งติดตั้ง 4 ภาพใหญ่กว้าง 3 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 3 เมตร บริเวณ 4 ด้านรั้วราชวัตร ให้แล้วเสร็จ ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรพระเมรุ ในวันที่ 20 ต.ค.นี้


นายปรารพ เหล่าวานิช รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรพร้อมอำนวยความสะดวกให้ทาง ศสร. เข้าติดตั้ง 4 ภาพใหญ่ที่บริเวณรั้วราชวัตร ซึ่ง 1 ใน 4 ภาพเป็นภาพวาดทรงกรมสื่อถึงพระอิสริยยศของพระองค์ที่ได้รับสายสะพายจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยศิลปินจิตรกรชั้นเยี่ยม ศ.ปรีชา เถาทอง ขณะนี้ ได้ใส่กรอบรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมติดตั้งทั้ง 4 ด้านของรั้วราชวัตร ประกอบด้วย ทับเกษตร อาคารโถงหลังคาทรงปะรำ หรือหลังคาแบนที่ปลูกริมแนวรั้วราชวัตร ใช้เป็นสถานที่สำหรับข้าราชการที่มาในพระราชพิธีและฟังพระสวดอภิธรรม


รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ภาพวาด 80 ภาพขนาดกว้าง 80 ซม. ยาว 100 ซม. ของศิลปิน 80 ท่าน แบ่งเป็น 13 หมวด อาทิเช่น พระประวัติ ภาพสะท้อนความผูกพันระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ภาพพระกรณียกิจ เป็นต้น จะจัดแสดงนิทรรศการภายหลังพระราชพิธีเสร็จแล้ว และพิมพ์เป็นหนังสือภาพ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาชมทั้งพระเมรุ และภาพวาด


นายสมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ ศิลปินวาดภาพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในหัวข้อ "ภาพทรงพระเยาว์" 1 ใน 4 ภาพ ที่จะติดตั้งในพระที่นั่งทรงธรรม กล่าวว่า ได้นำเสนอภาพพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ตั้งแต่ทรงพระประสูติจนเจริญพระชันษาในวัยสาว โดยนำภาพถ่ายพระฉายาลักษณ์ในพระอิริยาบถต่างๆ มาทำเป็นภาพสเกตช์ต้นแบบ ซึ่งเน้นการใช้สีโทนสีน้ำตาลและสีสันสดใสเข้ามาใช้ในการวาดภาพ เพื่อสร้างความรู้สึกนุ่มนวลและสวยงาม เนื่องจากได้ไอเดียมาจากหนังสือแสงหนึ่ง คือ รุ้งงาม ที่แสงรุ้งเป็นแสงแห่งอนาคต ความฝัน และความหวัง


ทั้งนี้ ได้วางตำแหน่งให้ภาพพระฉายาลักษณ์ในวัยสาวของพระองค์ไว้ตรงส่วนกลางของภาพ ซึ่งสะท้อนพระจริยวัตร ความสง่างามของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ

'ชำนาญ'ลุ้นป.ป.ช.ฟันสมชายหลุดนายกฯ


รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 เผยลุ้นคำวินิจฉัย ป.ป.ช. ชี้หากตัดสิน "สมชาย" ผิดต้องพ้นจากนายกฯ ทันที เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (6) แนะให้ถือโอกาสนี้ลงจากตำแหน่งนายกฯ สร้างบรรทัดฐานให้ชาวโลกเห็นว่าไทยตั้งใจปราบคอร์รัปชัน


นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 กล่าวถึงการชี้มูลความผิดในคดีที่เขาได้ร้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการทุจริตเรื่องการขายทอดตลาดในกรมบังคับคดี แต่สุดท้ายโดนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และเสนอให้ไล่นายชำนาญ ออกจากราชการด้วย ซึ่งถือเป็นความผิดฐานเป็นข้าราชการละเว้นหน้าที่ปราบปรามการทุจริตในวงราชการ ว่า ถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ต้องพ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี


รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ซึ่งเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้ กล่าวด้วยว่า คดีนี้ความผิดไม่ใช่แค่ความผิดทางอาญา แต่ยังเป็นความผิดวินัย โทษฐานที่เป็นข้าราชการละเว้นไม่ปราบปรามทุจริต ผิดวินัยร้ายแรง ประพฤติผิดทุจริตต่อหน้าที่ ผลของมันคือจะไปไกลกว่านั้น เมื่อคุณสมชาย เป็นนักการเมือง เป็น ส.ส.และเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วโดนตัดสินโทษประพฤติผิดวินัยร้ายแรง จะทำให้นายสมชาย ขาดคุณสมบัติ การเป็น ส.ส.


"ผมจะรอชี้แจงรายละเอียดหลัง ป.ป.ช.ชี้มูล คุณสมชาย จะขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (6) ที่ผู้สมัคร ส.ส.ต้องไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบในวงราชการ เมื่อเข้าลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส. ย่อมจะเข้าลักษณะต้องห้ามการเป็นนายกฯ จะทำให้นายสมชาย ต้องพ้นจากความเป็นนายกฯ เพราะขาดคุณสมบัติ"
นายชำนาญ กล่าวตอบข้อถามที่ว่านักการเมืองไทยมักไม่มีคุณธรรมและจริยธรรมว่า คดีนี้จะเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่นายกฯ โดนชี้มูลความผิดฐานละเว้นไม่ปราบปรามการทุจริต ซึ่งเท่ากับผิดวินัยร้ายแรง เป็นการทุจริตต่อหน้าที่โดยความผิดนี้ มีโทษสองประการ เท่านั้น คือ ไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมชาย บอกว่าพ้นจากตำแหน่งราชการมาแล้วการชี้มูลความผิดจะโยงไม่ถึงตำแหน่งปัจจุบันคือตำแหน่งนายกฯ นายชำนาญ กล่าวว่า กรณีนี้มีผลย้อนหลัง แม้นายสมชาย จะลาออกจากราชการตั้งแต่ปี 2549 แต่คดีนี้มีการกล่าวหา และ ป.ป.ช.รับไว้พิจารณา ก่อนที่นายสมชาย จะลาออกจากราชการ การชี้มูลครั้งนี้จึงมีผลย้อนไปตั้งแต่นายสมชาย ยังอยู่ในหน้าที่ราชการ


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมชาย ไม่ยอมพักปฏิบัติหน้าที่จะต้องยื่นตีความหรือไม่ รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 กล่าวว่า เรื่องนี้ตรงไปตรงมา ตามกฎหมาย ไม่ต้องให้ใครตีความ


"คุณสมชาย น่าจะดีใจเพราะเป็นทางลงให้คุณสมชาย ที่ต้องพ้นจากการเป็นนายกฯ จากข้อหานี้ ควรภูมิใจว่าเป็นนายกฯ คนแรกของโลกที่โดนดำเนินคดีฐานไม่ปราบปรามทุจริต ยิ่งทุกวันนี้เราพูดเรื่องคอร์รัปชันในวงราชการ นายกฯ ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างให้กับคนทั้งโลก ว่าไทยปราบปรามอย่างแท้จริง"