วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ภาพแห่งความปลื้มปิติ ที่สุดของปี 2551

ประมวลภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่สีพระพักตร์ผ่องใส พร้อมด้วย ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม และ คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันเรือยาวประจำปี 2551 (ครั้งที่ 1) ณ อ่างเก็บน้ำตามพระราชดำริฯ เขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคิรีขันธ์ ยังความปลื้มปิติแก่พสกนิกรชาวไทย กว่า 20,000 คน ที่ทราบข่าว และเดินทางไปเฝ้ารับเสด็จ โดยเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้อง











"ป๋าเปรม"แนะทหารเป็นกลาง

ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษขอให้กองทัพเป็นกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองและมั่นใจในรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ จะสามารถดูแลกองทัพได้เป็นอย่างดี พร้อมฝาก เสธ।ทบ.จัดการเว็บหมิ่นสถาบัน พร้อมฝากผบ.ทหารสูงสุด อยากเห็นตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 ก่อนตาย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกอบด้วย พล।อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพ เข้ากล่าวอวยพรปีใหม่ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ วานนี้ (29 ธ.ค.) เนื่องในโอกาสเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2552

พล.อ.ประวิตร นำกล่าวอวยพร ว่า เหล่าทัพไทยขอกราบขอบคุณที่อนุญาตให้คณะเข้าอวยพรและขอรับพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ปี 2552 ท่านประธานองคมนตรีมีความรู้ ความสามารถ มุ่งมั่น อดทน อดกลั้น เสียสละ เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมาตลอดถึงปัจจุบัน เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคนจนได้รับการยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ รวมถึงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทในฐานะประธานองคมนตรี นับเป็นสิ่งที่ควรได้รับการยกย่องและเชิดชูเกียรติ

"ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านมุ่งปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือสังคม และปลูกจิตสำนึกสำนึกคนไทยให้รักกัน รวมถึงตั้งมั่นในการกระทำคุณความดี รับใช้บ้านเมืองด้วยความเสียสละมาต่อเนื่องมุ่งให้เกิดความสามัคคีนำพาให้ประเทศรอดพ้นวิกฤติจากภัยคุกคามทุกด้าน สร้างความสงบสุขให้เกิดกับประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกศาสนา สมกับความมุ่งมั่นที่ปณิธานไว้ว่า เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน เราทุกคนมาชุมนุมที่นี้เพื่อเชิดชูเกียรติและแสดงความเคารพรักด้วยความจริงใจ"

จากนั้น พล.อ.เปรม กล่าวอวยพรว่า "เห็นเรายิ้มแย้มแจ่มใสรัฐมนตรีป้อม (พล.อ.ประวิตร) ที่กลับมาในกองทัพดูแลกองทัพอีกวาระหนึ่ง ขอบใจรัฐมนตรีป้อม และทุกคนที่ระลึกถึงกัน มีไมตรีจิตถึงกันไม่ลืมกัน และยังเป็นทหารของชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรวมกันมาตลอดตั้งแต่รัฐมนตรีป้อม อยู่ในกองทัพ จนเป็น ผบ.ทบ. เราพบกันหลายสิบครั้ง พูดกันถึงเรื่องกองทัพควรวางตนอย่างไร วันนี้ขอพูดซ้ำ

"เราเป็นทหารต้องซาบซึ้ง ถ่องแท้ ชัดเจนในหน้าที่เราว่ามีอะไรบ้าง เราพูดกันว่าเราต้องทำกองทัพให้งามสง่า น่าเกรงขาม เราจะดำรงความมุ่งหมายของกองทัพ ตั้งแต่สูงสุดลงไปถึงข้างล่างสุด ผู้บังคับบัญชาต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชา เราพูดมาตลอด ที่พูดซ้ำเพื่อรัฐมนตรีป้อม จะได้ดูแลน้องๆ ในกองทัพได้รู้ และเข้าใจชัดเจนในปณิธานของทหาร ทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และชาติว่าเราจะทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองบ้าง สิ่งสำคัญที่รัฐมนตรีต้องดูแลให้กองทัพยืนนิ่งอยู่กับเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่ทัพป๊อก (พล.อ.อนุพงษ์) พูดเสมอว่าทหารจะเป็นกลาง ไม่ยุ่งการเมือง แต่นักการเมืองก็ยืนอยู่ข้างหน้าป๊อก"

พล.อ.เปรม กล่าวด้วยว่า เราต้องพูดกันให้ชัดเจนว่า เราเป็นกลางทางการเมืองจริง เราจะไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง เราจะดูแลชาติบ้านเมือง เพราะนอกจากจะเป็นกลางแล้ว เราต้องเป็นหลักของชาติบ้านเมือง ตราบใดที่ชาติบ้านเมืองมีปัญหาเราต้องช่วยกันคิดว่าในฐานะที่เป็นทหารเราควรทำอย่างไร และเพราะเหตุใดต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้

"วันนี้ตำรวจมาด้วย ตอนแรกจะขอแยกพูดกับตำรวจ แต่พล.ต.อ.พัชรวาท ขอร้องว่าจะร่วมกับทหาร เราก็ดีใจที่พัชรวาท ขอรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพราะถึงหน้าที่ไม่เหมือนกันแต่คล้ายกัน แต่ที่เหมือนกัน คือ ต้องเป็นหลักให้กับชาติบ้านเมือง แต่ตำรวจดีกว่าทหาร เพราะมีอำนาจเยอะกว่าทหารตามกฎหมาย เราเชื่อกันว่าพระสยามเทวาธิราชมีจริง และศักดิ์สิทธิ์จริง ดังนั้น หากทำอะไรท่านคงมองเห็น

ขอให้พรว่าให้เราประกอบกรรมดี เป็นตัวอย่างให้กับน้องและพี่ที่แก่เฒ่าได้ชื่นใจว่า น้องๆ ยังรักษาความเป็นทหาร และตำรวจไว้ได้เป็นที่ศรัทธาของประชาชน ขอให้ความสำเร็จที่ทำความดี ขอให้พระสยามเทวาธิราชดลบันดาลให้เราเห็นแสงสว่างในการทำความดี ขอให้มุ่งมั่นในการทำความดีเหล่านั้นเป็นผลสำเร็จ ขอให้รัฐมนตรีป้อม เป็นหลักให้กับกองทัพ และผบ.เหล่าทัพ ที่เป็นหัวหน้าใหญ่หน่วยต่างๆช่วยดูแลกองทัพให้เจริญรุ่งเรื่อง มีความสามัคคี เป็นหลักของชาติบ้านเมือง และเป็นหลักที่จะถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”พล.อ.เปรม กล่าว

ก่อนตายอยากเห็นกองพลทหารม้าที่3

จากนั้น พล.อ.ทรงกิตติ นำคณะนายทหารเหล่าทหารม้า นำกระเช้าดอกไม้เข้าร่วมอวยพร พล.อ.เปรม โดยพล.อ.เปรม กล่าวฝาก พล.อ.ทรงกิตติ ว่า ให้หาเวลาว่างไปหาพล.อ.ประวิตร เพื่อไปพูดคุยเรื่องการตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 และไปเล่าให้พล.อ.ประวิตร ฟัง ซึ่งท่านอาจจะไม่รู้เรื่องเลยก็ได้ และโน้มน้าวกันให้ดี ซึ่งรัฐมนตรีควรจะรับทราบ ขณะนี้ทราบว่ายังติดอยู่ที่การพิจารณาของสถาบันวิชาการทหารชั้นสูงปีกว่าแล้ว มันเสียเวลามาหลายปี อย่างไรก็ตามก่อนที่จะตายอยากจะเห็น เป็นห่วงเรื่องนี้ ดังนั้นขอให้ช่วยกันหน่อย ขอให้เราได้ตายอย่างสบายหน่อย จะได้เห็นว่ามีกองพลทหารม้าที่ 3 ขึ้นมาอีก 1 กองพล ตอนนี้กรมทหารม้าที่ 6 มีอยู่ 3 กองพันคือ ม.พัน 6 ม.พัน 14 และ ม.พัน 15 ซึ่งตั้งแล้วได้ 1 กรม ทั้ง 3 กองพัน นี้สามารถแยกออกเป็น 1 กรม ได้แล้ว คิดว่าไม่น่ายาก

ฝากกวาดล้างเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูง

ต่อมาพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พร้อมด้วย พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และทหารสังกัดกองพลที่ 1 เข้าอวยพร พล.อ.เปรม โดยพล.อ.เปรม กล่าวว่า หน่วยทหารที่เสนาธิการทหารบกเอ่ยนามมาควรจะภาคภูมิใจที่มีโอกาสทำหน้าที่ทหารและรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ถือเป็นสิ่งที่เราเกิดมาในการทำหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งไม่มีอะไรจะน่าภาคภูมิใจได้มากกว่านี้ ชีวิตของเราคิดว่าการถวายความจงรักภักดีดูแลล้นเกล้าล้นกระหม่อมไว้อย่างดีที่สุด ดังนั้น เราต้องหวงแหนในสิ่งนี้

นอกจากนี้เราจะต้องปกป้องล้นเกล้าล้นกระหม่อม เสนาธิการทหารบก คงรู้ว่ามันมีเวบไซต์เกิดขึ้นมาเยอะแยะ ซึ่งบางทีก็ใช้ไม่ได้เลย เมื่อวาน นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) มาก็พูดกันเรื่องนี้ และเราก็ทำอะไรมากไม่ได้นักเพราะเราไม่ใช่เจ้าหน้าที่โดยตรง

"สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ชี้แจงให้คนเข้าใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และให้ทำหน้าที่นี้โดยตลอดเวลา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งบางทีคนก็อาจจะไม่เข้าใจแต่พวกเราเข้าใจว่าเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อวานนี้เห็นในทีวี พระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดูแล้วผ่องใสมาก และพวกเราก็ภูมิใจ ท่านทรงแข็งแรงขึ้นมากๆ เป็นที่น่าปราบปลื้มของคนไทย เสนาธิการทหารบก เคยอยู่กับพระองค์ท่านตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ ฉะนั้น จะต้องถ่ายเลือดกันให้ดีว่าสิ่งสำคัญที่เราจะถวายมีอะไรบ้าง เพื่อว่าเด็กรับเลือดของพวกเราไป และถ่ายทอดต่อไปจนตลอดชีวิตของพวกเรา ทั้งนี้ไม่มีสิ่งใดที่เราควรจะภาคภูมิใจเท่ากับหน้าที่ที่เราทำ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อชาติบ้านเมือง"

ฝากสื่อทำงานเหนื่อยเพื่อชาติ

หลังจากนั้น พล.อ. เปรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ผู้สื่อข่าวอาจจะมีความเหน็ดเหนื่อยในการทำหน้าที่ ซึ่งความเหน็ดเหนื่อยถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง ถ้าไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยก็จะไม่ได้ข่าวสารที่ต้องการ ทั้งนี้ คิดว่าการสื่อในการทำความเข้าใจกับผู้รับ นักข่าวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าสื่อไปทำความเข้าใจกับผู้รับสื่อ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ขอให้สมาคมสื่อมีความมั่นคงและมีความตรงไปตรงมา ชอบธรรม ดังนั้นขอให้พวกท่านทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เพื่อบ้านเมืองจะได้เรียบร้อยขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ. เปรม จะให้กำลังใจคนไทยที่เผชิญปัญหาต่างในปีหน้าอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า คิดว่าคนไทยทุกคนมีเหตุผลและไม่หัวแข็ง หัวดื้อ หัวรั้น ถ้าพูดตรง พูดจริง คิดว่าเข้าใจ สิ่งที่พูดไปอาจจะผิดบ้างถูกบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กังวลถึงสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่ พล.อ. เปรม กล่าวว่า ตั้งแต่โตมา เป็นห่วงบ้านเมืองมาโดยตลอด เพราะเป็นส่วนหนึ่งของชาติบ้านเมือง และเป็นทหารก็มีหน้าที่โดยตรงที่จะดูแลชาติบ้านเมือง ทั้งนี้เราไม่ห่วงกองทัพ เพราะเขาเก่ง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ดูท่านอารมณ์ดี ยิ้มได้ และมีความสุข แสดงว่าเบาใจที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศใช่หรือไม่ พล.อ. เปรม กล่าวว่า ทุกคนคงยิ้มเหมือนเรา เห็นเหมือนเรา คงยิ้มเหมือนกัน