วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

"ไชยวัฒน์"จี้ใช้กฎหมายจัดการอันธพาลเสื้อแดง

หมวดขาว : การเมือง
โดย : ทีมข่าวการเมือง
เหตุร้ายขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2552 เกิดจากการที่วิทยุชุมชนได้ปลุกระดมประชาชนให้ไปรวมตัวกันที่พุทธสถานในเครือข่ายของสันติอโศก และได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 100 คน รวมตัวกันไปยังพุทธสถานดังกล่าว ได้ใช้ก้อนหิน ขวดน้ำ ขว้างปา ได้ตัดน้ำ ตัดไฟ และได้เผาเพิงพักของพุทธสถานดังกล่าว ในขณะที่พระสงฆ์และพุทธบริษัทของพุทธสถานแห่งนั้นนั่งนิ่งด้วยความสงบ และในขณะเดียวกันก็มีตำรวจเกือบ 10 นายสังเกตการณ์อยู่แต่มิได้ห้ามปราม ได้ก่อให้เกิดความสะเทือนใจแก่ประชาชนที่ได้เห็นภาพและข่าวจากสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง

ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 24 ม.ค.52 กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประมาณ 300 คน นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่เข้าปิดล้อมและก่อความวุ่นวายภายในหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีการจัดงาน “ราตรีอ่างแก้ว 2552” ของสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อขับไล่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งไปร่วมงานครั้งนี้ด้วย

วันเดียวกันที่.จ.ร้อยเอ็ด ได้มีกลุ่ม นปก.ส่วนใหญ่จะเป็นชายฉกรรจ์ที่มีการชูป้ายต่อว่าพันธมิตร นอกจากนี้ยังมีใบสั่งเด็ดขาดให้ นปก.ที่เคลื่อนไหว ทำการรื้อเวทีให้ได้ ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวเป็นกลุ่มนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ ได้ทำการเกณฑ์ชาวบ้านเข้าร่วมขับไล่พันธมิตร ารคาดการณ์การเกณฑ์จำนวนคน จะมีมากกว่า 2 พันคน ขณะที่มีรายงานแจ้งว่า กลุ่ม นปก.ใน จ.กาฬสินธุ์ จ.มหาสารคาม จ.ยโสธร ได้เคลื่อนไหวเข้ามาป่วนเวทีพันธมิตร วยเช่นกัน

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยว่าตั้งแต่วันแรกที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ประกาศธำรงระบอบนิติรัฐของประเทศ ปกป้องคุ้มครองประชาชน ทำบ้านเมืองให้เรียบร้อยและให้ประชาชนเป็นสุข แต่หลังจากนั้นก็ยังคงเกิดเหตุร้ายเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน กลุ่มอันธพาลเสื้อแดงได้ข่มขู่คุกคามทำร้ายประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งยกพวกไปฆ่าคนกลางเมือง และทำร้ายทำลายทรัพย์สินหลายต่อหลายครั้งก็ไม่มีใครทำอะไร

กรณีที่พุทธสถานดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในเวลากลางวันแสก ๆ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นความผิดซึ่งหน้า เป็นความผิดฐานวางเพลิงของพุทธสถานซึ่งมีโทษร้ายแรง มีความผิดฐานทำลายสาธารณูปโภคน้ำไฟของพุทธสถาน และทำลาย ทำร้าย ข่มขู่คุกคามพุทธบริษัท ที่ทำให้ผู้พบเห็นทั้งหลายสะเทือนใจ และเริ่มไม่เชื่อใจรัฐบาลว่าจะมีความจริงใจในการรักษากฎหมาย

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กล่าวว่าถ้ารัฐบาลรักษากฎหมายไม่ได้ ปล่อยให้อันธพาลเสื้อแดงทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย คิดจะฆ่าใครก็ฆ่า คิดจะเผาทรัพย์สินใครก็เผา คิดจะทำร้ายใครก็ทำ ข่มขู่ใครก็ทำได้เช่นนี้ รัฐบาลนี้ก็มีค่าเป็นมะเขือเผา และไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ไม่สมกับที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย จึงอยากเตือนรัฐบาลว่าอย่าปล่อยปละละเลยดูแคลนเรื่องนี้ และควรเร่งจัดการให้เห็นผลโดยเร็วที่สุดเพื่อหยุดยั้งความลำพองของอันธพาล ก่อนที่ประชาชนจะทนไม่ไหว

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงเรียกร้องวันนี้ (25 ม.ค.) ให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง อธิบายต่อสังคมให้ชัดเจน กรณีเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) รถยนต์ของกลุ่มคนเสื้อแดงถูกตำรวจยิงด้วยอาวุธปืน เพราะเชื่อว่าต้องมีผู้ใหญ่เป็นผู้สั่งการส่วนการขับไล่ นายสุเทพ ของคนเสื้อแดง วานนี้ ที่ จ.เชียงใหม่ เห็นว่า มีสิทธิ์ทำได้เพราะไม่ละเมิดกฎหมาย

ด้าน นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (26) เวลา 10.00 น.กลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางไปสถานทูตฟิลิปปินส์ และ บรูไน เพื่อคัดค้านการจัดการประชุมอาเซียนซัมมิต และการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของ นายกษิต ภิรมย์

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ยังกล่าวว่า มีการบล็อกประชาชนในพื้นที่ไม่ให้เข้ามาร่วมชุมนุมใหญ่ วันที่ 31 มกราคมนี้ รวมทั้งมี ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

3Gส่อโดนดองแล้วเหตุกินหัวคิวคำโต

ประเภทข่าว : ไอที
โดย : ทีมข่าวไอที

โครงการสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมระบบ 3G ซึ่งกำลังแย่งชิงกันอย่างรุนแรงระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือองค์การโทรศัพท์เดิม และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท. ด้วยเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 29,000 ล้านบาท หลังการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี นั้นร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที โดนกดดันอย่างหนัก

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เตรียมที่จะชะลอโครงการออกไป เหตุเพราะผู้บริหารของแต่ละหน่วยงาน และบอร์ดบางคนพยายามเตะถ่วง เพราะกิน "คำใหญ่" เกินไป อาจจะกลืนไม่คล่องคอ และอาจสำลักตายในที่สุด

ข้อมูลจากบริษัทโทรคมนาคม ระบุถึงความเป็นมาของการเตรียมจัดตั้งโครงการ 3G ว่า ในเบื้องต้นนั้นจะใช้เงินลงทุนเพียง 12,000 ล้านบาท แต่ฝ่ายการเมืองก่อนหน้านี้ให้เพิ่มวงเงินลงทุนเพิ่มเข้าไปอีก 2,000 ล้านบาท เป็น 14,000 ล้านบาท ซึ่งหลักฐานโครงการมีปรากฏชัดเจน

ต่อมาในรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ฝ่ายการเมืองได้ปรับวงเงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปอีก 15,000 ล้านบาท เป็น 29,000 ล้านบาท ในขณะที่วงเงินลงทุนมาตรฐานของโครงการ 3G ใช้วงเงินลงทุนทั่วโลกก็มีระดับแค่ 12,000 ล้านบาทเท่านั้น จึงทำให้ฝ่ายบริหาร และบอร์ดบางคนรักตัวกลัวตาย เกรงว่าจะ "ติดคุก" ตอนแก่ จึงพากันเตะถ่วงการดำเนินโครงการดังกล่าวหลายรูปแบบ อาทิเช่น บอร์ดบางคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าประชุมเมื่อมีวาระนี้ ทำให้การประชุมต้องเลื่อนออกไป หรือถ้าบอร์ดมาประชุมพร้อมก็จะมีการส่งสัญญาณให้ฝ่ายบริหารเตะถ่วงเรื่อง อ้างว่ายังขาดเอกสารบางรายการ จึงทำให้เรื่องคาราคาซังมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ทราบข้อมูลดังกล่าวนี้มาตั้งแต่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น จึงได้ประมวลเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างครบถ้วน ซึ่งนายกรัฐมนตรี เคยเปิดเผยท่าทีในเรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้วว่าจะต้องใช้ความรอบคอบและขณะนี้ก็มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะมีการเบรคโครงการนี้ โดยให้รอผลการพิจารณาจัดสรรคลื่นความถี่ ให้เรียบร้อยก่อน

ในขณะเดียวกันก็จะให้พิจารณาเงินลงทุนมาตรฐานของโครงการชนิดนี้ที่ประเทศต่าง ๆ เคยทำมาแล้วด้วย เพราะฉะนั้น เท่ากับว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประหยัดเงินแผ่นดินให้กับประเทศชาติเป็นโครงการที่ 4 วงเงิน 29,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องติดตามดูต่อไปว่านักการเมืองบางพวกจะผลักดันหรือต่อรองเรื่องนี้กันอย่างไร