วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ผมไปแก้รธน.เพราะเห็นว่ามีผลกับชีวิตผมมันคงเกินไป


หมวดข่าว : สัมภาษณ์พิเศษ

โดย : กองบรรณาธิการ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ TheCityJournal ถึงสถานการณ์การเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่เวลานี้หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหากไม่มีหารปรับ ครม. และเรื่องปัญหาคุณสมบัติรัฐมนตรี

รัฐบาลจะปรับครม.ตามที่คนเสื้อแดงเรีกยร้องไหม

การปรับ ครม.นั้นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ได้บอกแล้วว่าขอเวลา 2-3 วัน เพื่อดูข้อมูลหลักฐานทั้งหมด ซึ่งคงต้องให้เวลานายกฯ ด้วย เพราะตอนนี้มีงานมากเหลือเกิน

การปรับครม.หากปรับไม่ดี อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

คงไม่เป็นปัญหา ต้องรอให้นายกฯ ได้ดูรายละเอียดทุกอย่างก่อนที่จะมีคำวินิจฉัย

จะปรับนายวิฑูรย์ นามบุตร ออกจากตำแหน่ง รมว.การกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไหมเพราะในพรรคก็เรียกร้องเหมือนกับที่นอกพรรคเรียกร้อง

ไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน เพราะยังไม่ได้ประชุมกรรมการบริหารพรรค หรือ ส.ส.ของพรรค ซึ่งจะมีการประชุม ส.ส.ของพรรคในช่วงบ่ายวันอังคารที่ 3 ก.พ.นี้

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การทบทวนตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญของนักการเมือง หากชี้แจงแล้วยังโดนวิจารณ์มากๆ

เป็นทัศนะและเป็นแนวความคิด ซึ่งทุกคนมีสิทธิเสนอแนวความคิด ดังนั้น นายวิฑูรย์ ควรรับฟังแนวความคิดของฝ่ายต่างๆและประเมินดู

ปัญหาของนายวิฑูรย์ถือเป็นปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ หรือ ในรัฐบาลหรือไม่

ไม่ถึงขนาดกับว่าจะเป็นปัญหาในพรรค หรือ เป็นปัญหาของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข

พรรคภูมิใจไทยพยายามกดดันเพื่อไม่ให้มีการปรับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยออกจากตำแหน่ง แต่ถ้านายวิฑูรย์ แสดงสปิริตลาออกแล้วนายบุญจง ยังนิ่งเฉยจะกลายเป็นสองมาตรฐานหรือเปล่า

อย่าคิดไปเร็วขนาดนั้น เพราะยังไม่มีกรณีที่นายวิฑูรย์ ตัดสินใจทำอะไร หรือกรณีนายกฯ ตัดสินใจอะไรเกี่ยวกับนายวิฑูรย์ ดังนั้นจะบอกว่ากรณีของนายวิฑูรย์ จะไปกดดันกรณีของนายบุญจง คงไม่ใช่ และยังไม่มีเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยมากดดันรัฐบาลเกี่ยวกับกรณีนายบุญจงแต่อย่างใด

จะเป็นการสวนทางกับที่นายกฯที่ไปยืนยันกับต่างชาติว่าสถานการณ์ประเทศไทยกำลังไปด้วยดี แต่ภายในรัฐบาลกำลังวุ่นวาย

ความจริงภายในรัฐบาลไม่มีอะไรวุ่นวาย เพียงแต่มีปัญหาที่เกิดประเด็นและเป็นที่สนใจของฝ่ายต่างๆ ซึ่งเราต้องสะสางเท่านั้นเอง

การแจกปลากระป๋องเน่า ทำไมจึงไม่มีการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้

เป็นช่วงเวลาที่ได้ขอให้นายวิฑูรย์ไปรวบรวมหลักฐาน เอกสาร ข้อเท็จจริงต่างๆมาเสนอ เพื่อให้ผู้มีอำนาจวินิจฉัย ถือว่าไม่ล่าช้าเท่าไรนัก ภายใน 2-3 วันนี้ก็จะชัดเจน

แล้วในกรณ๊รัฐมนตรีสายล่อฟ้าตัวจริงนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ที่กลุ่มเสื้อแดงวิจารณ์ว่ามีประวัติมัวหมองไม่สมควรเป็นรัฐมนตรี

คำว่าประวัติมัวหมอง สำหรับคนที่จะเป็นรัฐมนตรีนั้นหมายถึงความมัวหมองในการปฏิบัติราชการ ส่วนกรณีของนายกษิต ไม่มีอะไรที่เป็นความมัวหมองในการปฏิบัติราชการ หรือ การทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม

นายกษิต ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรและขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของฝ่ายเสื้อแดง

ไม่ว่าจะขึ้นเวทีไหนก็แล้วแต่จะเป็นการพูดจากันไปตามความเชื่อ ตามความคิดของแต่ละคน พวกผมก่อนที่จะมาเป็น ส.ส. ก็ขึ้นเวทีปราศรัยกันมามากมาย เป็นเรื่องปกติ

รัฐบาลไม่แคร์เรื่องนี้

รัฐบาลไม่ได้เอามาเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณา

แล้วกรณีที่กกต.ชี้มูลความผิดอาญานายสุเทพ กรณีไปช่วยน้องชายหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี

ผมยืนยันว่าผมไม่ได้มีเรื่องเพราะไปช่วยหาเสียง เพราะผมไม่ได้ไปช่วยหาเสียง แต่ผมไปงานสงกรานต์ ไปทำบุญ ตักบาตร รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ตามประเพณี และหากเห็นว่าการที่ผมไปทำอย่างนั้นมีผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นเขาจึงให้ใบเหลืองนายกฯอบจ. ซึ่งต้องไปพิสูจน์กันที่ศาลว่าการที่ผมไปทำกิจกรรมตามประเพณีนั้นเป็นเรื่องที่เข้าข่ายกฎหมายกำหนด หรือไม่

แต่ผมมองว่ากฎหมายกำหนดเอาไว้ว่า ห้ามมิให้กระทำการใดที่ผิดกฎหมาย อาทิเช่น ซื้อเสียง แจกเงิน หรือกระทำทุจริต แต่ตนไม่ได้กระทำใดที่ทุจริตแต่อย่างใด

ตอนนี้รู้สึกไหมว่ามีความพยายามเอาผิดคนในรัฐบาลด้วยกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 266 เป็นเรื่องผิดปกติหรือมีกระบวนการใดหรือไม่

ผมไม่มองอะไรมาก เป็นคนไม่คิดมาก หากมีกรณีคงต้องพิสูจน์กันเพราะเรามีกระบวนการยุติธรรม เราต้องเชื่อในกระบวนการยุติธรรม

น่าสงสัยหรือไม่ว่าทำไมจึงเป็น อบจ.สุราษฎร์ฯ มีการตั้งข้อสังเกตโดยคนใน กกต.จะมีการสอบถามเรื่องดังกล่าวหรือไม่

ไม่สอบถาม ไม่คุย หน้าที่ของ กกต.ท่านก็ทำหน้าที่ไป หากคิดว่าทำถูกต้องเหมาะสมแล้วก็ทำไป

คิดว่าจะตายน้ำตื้นหรือไม่

หากศาลวินิจฉัยว่าผมผิดผมก็ต้องรับผิด

คิดว่าจะเชื่อมโยงถึงการยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่

กรณีนี้ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการโยงไปถึงการยุบพรรคได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้อย่างนั้น แต่กฎหมายบัญญัติเฉพาะกรณีการเลือกตั้งส.ส.

หากเห็นว่ามาตรา 266 มีปัญหาจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

ผมยังไม่มีความเห็น ผมจะไปแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่ากฎหมายมีผลกับชีวิตผมมันคงเกินไป ต้องว่ากันไปตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งมีกรรมการพิจารณาอยู่ว่าข้อไหนดี ไม่ดี

กรณีที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องและให้ปฏิบัติภายใน 15 วัน รัฐบาลจะพิจารณาอย่างไร ทำได้หรือไม่ได้

ยังไม่ได้หารือกันในภาพรวม แต่ผมเห็นว่าบางเรื่อง อย่างกรณีดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายนั้นดำเนินการอยู่แล้ว แต่เรื่องอื่นๆ คงทำไม่ได้ เรื่องยุบสภานั้นก็ไม่มีทาง เพราะกำลังแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอยู่แล้วจะไปทำให้สะดุดหยุดลงทำไม แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้ประมาท

วันนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบกรณี 3 รัฐมนตรีที่ลงมติรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณขัดกฎหมาย กังวลเรื่องนี้ไหม

นายเรืองไกร ก็ทำหน้าที่ของเขา ส่วนผู้มีหน้าที่ตีความ ตรวจสอบ วินิจฉัยก็ดำเนินการไป เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐาน ผมเข้าใจว่ารัฐบาลมีข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะไปชี้แจง

อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญห้ามไว้ว่าคนที่เป็นรัฐมนตรี และ ส.ส.ในขณะเดียวกันจะไปยกมือในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง อาทิเช่น กรณีโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่างนั้นรัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้ทำ แต่การที่รัฐมนตรีทั้ง 3 คน ลงมตินั้นเป็นเรื่องของงบประมาณแผ่นดินที่จะนำมาช่วยประชาชน ไม่ได้มาช่วยรัฐมนตรี และความจริงงบฯที่ผ่านนั้นไม่ได้เกี่ยวกับกระทรวงของรัฐมนตรีที่ลงคะแนนเสียด้วยซ้ำไป ผมไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา แต่ขออภัยหากความเห็นของตนจะไปล่วงล้ำหน้าที่ของผู้มีสิทธิตีความ

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทำไมการเมืองไทยเป็นไปแบบนี้คับ ไม่เข้าใจเลย