วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

จับตา"สายวิ่ง"แซง"สายชำนาญการ"คั่วกกต.ใหม่สัญญาณเพิ่มรอยปริร้าว5เสือ


หมวดข่าว : การเมือง
โดย : กองบรรณาธิการ TheCityJournal

หลังการปิดรับสมัครบุคคลที่สนใจเข้ารับการสรรหา เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แทน นายสุเมธ อุปนิสากร ซึ่งพ้นจากตำแหน่งไปเนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ โดยคณะกรรมสรรหาที่มี นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ได้เปิดรับผู้ที่มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามเข้ารับการสรรหาเป็นกกต. ปรากฎว่ามีผู้สมัครทั้งสิ้น 14 คน
ทั้งนี้ ในจำนวน 14 คน สามารถแยกเป็น 2 สายหลัก คือ "สายวิ่ง" และ "สายชำนาญเฉพาะ"
เมื่อแยกแยะลงไปในรายละเอียด พบว่า "สายชำนาญเฉพาะ" ส่วนใหญ่เป็นระดับกกต.จังหวัด ซึ่งมีจุดบกพร่องเพราะขาดประสบการณ์ในส่วนกลาง ยกเว้นนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น อดีตข้าราชการบำนาญ และอดีตกรรมการป.ป.ช. รวมทั้งยังเคยเป็นอดีตกกต. แต่มีคำถามว่า เมื่อครั้งที่นายวิสุทธิ์ เป็น กกต. เหตุใดต้องลาออก แต่ก็พอจะสืบสาวได้ความว่า นายวิสุทธิ์ ลาออกเพราะเกิดความขัดแย้งอย่างหนักในกกต.ชุดนั้น และข้อเท็จจริงในปัจจุบันนี้กกต. 4 คน ก็แตกเป็น 2 / 2 ดังนั้น ถ้านายวิสุทธิ์ ลาออกเพราะหนีปัญหาความขัดแย้งในองค์กร ถามว่า ตอนนี้มีความขัดแย้งในกกต. อยู่แล้วนายวิสุทธิ์ จะเข้ามาก็เจอความขัดแย้งอีกทำไม
นอกจากนี้ "สายชำนาญเฉพาะ" ส่วนใหญ่เรียนรู้เฉพาะงานการเลือกตั้งระดับภูมิภาค แต่ขาดประสบการณ์ในส่วนกลางในระดับผู้อำนวยการกองในกกต.กลาง ซึ่งจะเป็นหน่วยประสานและระดับปฏิบัติตรงระหว่างกกต.กลาง กับกกต.จังหวัด
ด้าน "สายวิ่ง" นั้น นอกจากจะไม่เคยสัมผัสงานการเลือกตั้งระดับปฏิบัติ ทั้งภูมิภาค และส่วนกลาง แล้วยังไม่มีความ "ลึกซึ้ง" ในกระบวนการแก้ปัญหาการเลือกตั้ง
มีข้อสังเกตว่า การสรรหากกต.ครั้งนี้ มีส่วนที่ทำให้คิดว่า เจตนาจะช่วยเหลือ มีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้ว หรือมี "หวยล็อค" โดยมาจากการตั้งโจทก์ข้อเดียว และให้ผู้เข้ารับการสรรหาตอบลงในกระดาษ เอ 4 เพียงใบเดียว ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ที่จะต้องชี้แจงเพื่อให้กรรมการสรรหา ได้เห็นคุณสมบัติที่รอบด้าน
ทั้งนี้ โจทก์ที่ให้ไว้ คือ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรอบแนวคิดในการดำเนินการเกี่ยวกับกรรมการการเลือกตั้ง และถ้านำคำตอบในกระดาษ เอ 4 แผ่นเดียวมาตัดสิน จะไม่สามารถวัดคนที่จะมาทำหน้าที่กกต. ได้ แทนที่จะใช้วิธี ดีเบส ทั้ง 14 คน หรือขายวิสัยทัศน์ร่วมกันแล้วให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
จากวิกฤติการเมือง ในเวลานี้ส่วนหนึ่งมาจาก กกต. ซึ่งมีปัญหา "แนวคิดวิกฤติศรัทธา" ที่เกี่ยวกับปัญหาการจัดการเลือกตั้ง โดยปัญหานี้เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่สามารถสร้างระบอบการเมืองให้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย โดยคนที่เข้าใจเรื่องนี้ จะต้องนำเสนอแนวคิด 2 ประเด็น
ประเด็นแรก กกต.ต้องมีวิสัยทัศน์ ความเป็นผู้นำให้องค์กรมุ่งไปในทางที่ดี
ประเด็นที่สอง การยอมรับความเชื่อมั่นในกระบวนการสอบสวน ซึ่งจะต้องสร้างมาตรฐาน 3 ระบบ คือ มาตรฐานการสอบสวน มาตรฐานการวินิจฉัย มาตรฐานการให้ความเห็นของทุกระดับ
ถ้ากรรมการสรรหาไม่เลือกการ "ดีเบส" ก็ไม่มีทางได้คนที่เข้าใจปัญหาเหล่านี้ได้เลย
คำถามก็คือว่า เวลานี้กกต.ขัดแย้งกันอยู่แล้ว กรรมการสรรหา จะเลือกคนเข้าไปเพื่อสร้างความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้นทำไม ทำไมไม่หาคนที่สรรหาเข้าไปแล้วไม่ไปอยู่ซีกใดซีกหนึ่ง เพื่อลดความขัดแย้งในองค์กร กกต.
การสรรหา กกต.ที่วัดจากคำตอบในกระดาษใบเดียว จึงเป็นเจตนาที่จะสร้างรอยปิดร้าวในกกต.ให้ร้าวหนักขึ้น และยิ่งจะสร้างความเสียหายต่อการเมืองไทยที่มีวิกฤติศรัทธาให้วิกฤติยิ่งๆ ขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น: