วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

ถกเดือด 11 ชั่วโมง "สภาฯ ” ผ่านงบฯกลางปี 2552


หมวดข่าว : การเมือง


โดยทีมข่าว : รัฐสภา


ส.ส.ถกเดือด 11 ชั่วโมง ก่อน “ สภาฯ ” ผ่านงบฯกลางปี 2552 “ อภิสิทธิ์ ” แฉปิดท้าย ซัดรัฐบาลเก่า ถลุงงบกลางไปแล้ว 2 ใน 3 เหลือให้ ปชป.แค่ส่วนเดียว อ้างงานวิจัยสหรัฐฯ เชื่อ ชาวบ้านได้เงินนำใช้จ่ายไม่ออม


ที่รัฐสภา เวลา 24.00 น. วันที่ 28 มกราคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงปิดท้ายการประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ.2552 ว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้นไม่ได้มีเฉพาะแผนงบประมาณที่เสนอต่อสภาวันนี้ แต่ยังมีเงินหลายกลุ่มที่จัดอยู่นอกงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือการผลิต โดยเฉพาะเกษตรกร รัฐบาลนี้ได้ทุ่มเทการแทรกแซงราคาพืชผลทางการเกษตรทั้งหมด 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณทั้งหมดใน พ.ร.บ.นี้ ยังไม่นับการอนุมัติ 600 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนกองทุนฟื้นฟูเฉพาะที่กำลังจะถูกยึดที่ดิน


นอกจากนี้ยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่จะลงไปสู่ภาคชนบท ซึ่งยอมรับว่าเป็นการต่อยอดมาจากนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน แต่อะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็จะทำ โดยโครงการเศรษฐกิจพอเพียงจะบริหารจัดการให้ตรงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้มากที่สุด โดยใช้เงินเพื่อความยั่งยืนจริงๆ รวมทั้งรัฐบาลยังทุ่มเงินนอกงบประมาณฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ลดค่าธรรมเนียมการใช้ท่าอากาศยาน ยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกิจโรงแรม และรัฐบาลนี้จะดำเนินการเพื่อให้สถาบันการเงินกล้าปล่อยสินเชื่อด้วยความมั่นใจมากขึ้น


ส่วนกรณีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการจ่ายเงินเข้ากระเป๋าประชาชนในหลายกลุ่มนั้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ชัดเจน ที่หลายคนแย้งว่าประชาชนจะไม่ใช้เงินแต่จะนำไปออม ซึ่งจากผลการวิจัยในสหรัฐฯ พบว่าคนยิ่งจนเท่าไหร่ยิ่งใช้มากเท่านั้น ซึ่งคนไทยจนกว่าคนสหรัฐฯจึงเชื่อว่าจะใช้เงินที่ได้รับอย่างแน่นอน


ต่อกรณีที่ฝ่ายค้านวิจารณ์การตั้งงบกลางจำนวน 4 พันล้านบาทมากระจุกอยู่ในมือนายกรัฐมนตรี นั้น ไม่ได้กันไว้ เพื่อใช้ตามใจชอบแต่ต้องสำรองไว้ เพราะตัวเลขงบประมาณตามนโยบายหลายตัวยังไม่นิ่งเช่นนโยบายจ่ายเงิน 2 พันบาท หากยังมีช่องโหว่ตรงไหนก็จะใช้งบกลางเข้าไปเสริมได้ทันที และงบกลางของรัฐบาลนี้เหลือเพียง 1 ใน 3 เพราะ 2 ใน 3 นั้นรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ได้ใช้ไปแล้ว


"มีการตั้งข้อสังเกตว่างบกลาง 4 พันล้าน เป็นเพราะผมอยากใช้ตามใจชอบ เรียนว่าที่สำรองเพราะตัวเลขหลายอย่างยังไม่นิ่ง อาทิเช่น เบี้ยยังชีพ หรือนโยบายจ่ายเงิน 2 พันบาทหากไม่ทั่วถึงก็ให้ดึงจากงบกลางไปใช้ วันนี้รัฐบาลบที่แล้ว (พลังประชาชน) ใช้งบฯ ไปแล้ว 2 ใน 3 รบ.นี้เหลือ 1 ใน 3


นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า สถานการณ์การเงินของเราขณะนี้ทำให้ต้องคิดถึงการกู้เงินจากต่างประเทศ เพราะเรายอมรับว่าจะจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์ เราจะไม่พูดเท็จต่อสถานการณ์จริง แต่ถึงจะเกิดความผันผวนในเศรษฐกิจโลกเราได้มีแผนรับมือทุกอย่างไว้แล้ว ไม่ว่าการขนส่งขนาดใหญ่รถไฟ รถไฟฟ้า ก็ยังอยู่ครบถ้วน แต่ที่สำคัญที่สุดขณะนี้คือเราต้องมุ่งเน้นให้คนมีกำลังซื้อเพื่อพยุงให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 01.30 น. บรรยากาศการประชุมเริ่มโกลาหลขึ้นอีกเล็กน้อย เมื่อนายชินวรณ์ บุญเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ได้เสนอให้ปิดการอภิปราย โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วยแต่นายวิโรจน์ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติไทยพัฒนา พยายามที่จะอภิปรายอยู่เป็นเวลาร่วมสิบนาที จนในที่สุดนายชัย ต้องขอให้นายชินวรณ์ ถอนญัตติปิดอภิปรายแล้วให้นายวิโรจน์ อภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับงบประมาณในการอบรมฝีมือแรงงานการท่องเที่ยว ในที่สุดนายชินวรณ์ ได้เสนอญัตติปิดการอภิปรายอีกครั้ง โดยก่อนลงมตินายชัย ได้ขอตรวจสอบองค์ประชุมปรากฏว่าในห้องประชุมมีส.ส.ทั้งหมด 257 คน จากนั้นเวลา 00.45 น. ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการด้วยเสียง 238 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 และไม่ออกเสียง 15 เสียง โดยมีผู้ลงคะแนนทั้งหมด 258 คน


ต่อมาที่ประชุมได้ ตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ จำนวน 35 คน โดยมาจากพรรคเพื่อไทย 10 คน พรรคประชาธิปัตย์ 10 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 1 คน พรรคกิจสังคม 1 คน พรรคประชาราช 1 คน ราษฎร 1 คน พรรคละ 1 คน กำหนดการแปรญัตติภายในเวลา 5 วัน และได้นัดประชุมกมธ.นัดแรกวันพฤหัสบดีที่ 29 ม.ค.เวลา 15.00 น. ในที่สุดเวลา 01.00 น.นายชัย สั่งปิดการประชุมในเวลา 01.00 น. รวมเวลาการพิจารณาพ.ร.บ.ฉบับนี้ทั้งหมด 11

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล