วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551

"สมพงษ์"เด็กอมมือด้านการต่างประเทศ



ผมเห็น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตัดสินใจเดินทางไปร่วมประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาติ (26 ก.ย.) ที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วก็นึกในใจว่า "เด็กอมมือด้านการต่างประเทศ" คนนี้ จะไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ซึ่งเป็นเวทีของคนมีเกียรติ มีความรู้ หรือจะไปนั่งกินกาแฟ รอข้าง ๆ ห้องประชุมยูเอ็น


และแล้วข้อสันนิษฐานอย่างหลังของผมก็เป็นจริง ครับ


ผู้สื่อข่าวรายงานข้ามโลกมาเมื่อ 29 ก.ย. บอกว่า "สมพงษ์" นั้นตัดสินใจไม่ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในยูเอ็น ด้วยตนเอง แต่มอบหมายให้ ท่านทูตดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ แทน


นอกจากนี้ สมพงษ์ ยังจะไม่เปิดเจรจาทวิภาคี กับประเทศต่าง ๆ ที่ประสานขอนัดหมายมาก่อนหน้านี้กว่า 20 ประเทศ


ทั้ง 20 กว่าประเทศ นั้น อยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องการค้า การลงทุน เพื่อเขาจะได้มีความมั่นใจในการตัดสินใจมาลงทุนหรือไม่


ซึ่งหากเป็นประเทศอื่นเขาจะกุลีลุจอ รับนัดเจรจา สร้างความเข้าใจนดี สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน นี่ซิถึงจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่ดี จริง ๆ คือคิดถึงผลประโยชน์ประเทศมาอันดับหนึ่ง


เมื่อเป็นแบบนี้ ท่านผู้อ่านเห็นโอกาสที่ไทยจะได้ทำความเข้าใจกับนานาชาติ มีอันต้องเสียไปหรือเปล่าครับ


เรื่องนี้สำคัญกว่า "สมพงษ์" จะยึดพาสปอร์ตแดงจากจำเลยที่หนีหมายศาล อย่างทักษิณ ชินวัตร หรือไม่


ถามว่า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เลือก สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ไปเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นั้น รู้หรือไม่ว่า "สมพงษ์"คือผู้ที่ก่อปัญหาเรื่องต่างประเทศ ภายในประเทศไทยไว้มากพอแล้ว


ปัญเรื่องการต่างประเทศซึ่งเป็นปมปัญหาใหญ่ที่ สมพงษ์ ก่อไว้ก็คือ การไม่รู้จักพิธีการทางการทูต


อันเป็นผลสืบเนื่องมาจาก การที่ตำรวจกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ร่วมกับหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา บุกจับกุม วิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท อดีตนายทหารยศพันตรีหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย (เคจีบี) นายหน้าค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ของโลกในห้อง วีไอพีร้านอาหารชั้น 27 โรงแรมโซฟิเทล ย่านสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ ขณะนั่งเจรจาซื้อขายอาวุธสงครามมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่กองกำลังฝ่ายกบฏฟาร์ค ประเทศโคลอมเบีย เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา


การจับกุมที่ดูเป็นข่าวคึกโครมระดับโลก เพราะ วิกเตอร์ บูท มีสมญานามกระฉ่อนโลกคือ "Merchant of Death" หรือ "พ่อค้าแห่งความตาย"


เรื่องนี้ วิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลไทย ในข้อหาว่าจับกุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 คือ มีการกล่าวหาว่าวิกเตอร์ บูท มาก่อการร้ายในไทย ทั้งที่ยังไม่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย มีการขอออกหมายจับล่วงหน้า โดยอ้างหมายศาลอเมริกัน มีการอำนวยการจับโดยเจ้าหน้าที่สหรัฐ เท่ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐ ได้ละเมิดอธิปไตยไทย


การจับกุมนอกจากจะไม่ชอบด้วยป.วิอาญา มาตรา 90 แล้ว อัยการ ได้ยื่นฟ้องวิกเตอร์ บูท เป็นผู้ร้ายข้ามแดน 2 หน แต่เอาผิดไม่ได้ต้องปล่อยตัวออกไป แล้วตำรวจ ก็จับใหม่ในข้อหาเดิม


การอ้างต่อศาลไทยให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยอาศัยพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2472 ทั้งที่ไทย-สหรัฐ เรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2526 ซึ่งเท่ากับกฎหมายใหม่ทับฉบับเก่า ฉบับเก่าย่อมใช้ไม่ได้


ขณะที่ทางการรัสเซีย ได้ทำเรื่องขอตัว วิกเตอร์ บูท มาที่ สมัคร สุนทรเวช แต่สมัคร ไม่ดำเนินการอะไร


เพราะฉะนั้นทูตรัสเซีย จึงขอเข้าพบ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึง 3 หน แต่ สมพงษ์ ก็ไม่ยอมให้เข้าพบ


กรณีนี้รัฐบาลไทย ชุดสมัคร รวมถึงสมพงษ์ มีสิทธิ์โดนฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือศาลไอซีซี ในข้อหาจับกุมคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย


นอกจากนั้น สมพงษ์ ยังได้ทำลายสัมพันธไมตรีไทย รัสเซีย ที่เคยมีกันมายาวนาน ลงอีกทางหนึ่งด้วย


นี่คือการเลือกคนมาเป็นรัฐมนตรี ที่นอกจากได้คนที่ไม่ประสีประสาด้านการต่างประเทศแล้ว ยังจะพาประเทศไทยให้ตกเป็น ซึ่งเบื้องต้นหากศาลรัฐฟ้องไทยจะต้องวางเงินประกันในศาลไอซีซี 5 พันดอลลาร์ เงินนั้นเป็นเงินใคร เงินสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หรือเงินภาษีประชาชน


การตกเป็นจำเลยในศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะความ "เขลา" ของรัฐมนตรีผู้นี้ เราจะมีความภาคภูมิใจอะไรเหลืออยู่ในตัวเขาคนนี้


การได้เด็กอ่อนหัด หรือเด็กอมมือด้านการต่างประเทศเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ จึงเท่ากับเราเดินย่ำอยู่กับที่ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเขาแซงเราไปไกลโพ้น


การเมืองใหม่ที่กำลังมีการถกเถียงกันอยู่เวลานี้ ต้องคิดด้วยว่า จะขับนักการเมืองประเภทนี้ออกไปจากวังวนได้อย่างไร


ที่สำคัญทำอย่างไรจะขุดจริยธรรมของนักการเมืองพวกนี้ขึ้นมาจากสันดานของพวกเขาได้

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก สำหรับข้อมูลครับ