องคมนตรีชี้การศึกษาไปไม่รอด เหตุงบถูกโกงกินทุกจุด แนะทุกโรงเรียนติดป้าย"เขตปลอดการฉ้อราษฎร์บังหลวง" ฝากผู้บริหาร5 องค์กรหลักศธ.คุมเข้มพบครูทุจริตให้ไล่ออก อบรมครูเพิ่มคุณธรรม แนะดึงคนเก่ง-คนดีมาเป็นครูหันมาผลิตครูเฉพาะสาขาวิชา ให้รัฐสนองพระราชดำริพัฒนาการศึกษาชาย
วันนี้ 24 ธันวาคม 2551 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ร่วมกับองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเสวนาระดมความคิดเห็น เรื่อง ทิศทางเพื่อการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 โดย ศ.น.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวว่า ปฏิรูปการศึกษา คือ การปรับเปลี่ยนระบบและนโยบายการศึกษาของชาติ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและนอกประเทศ โดยต้องไม่ติดกรอบระยะเวลา เนื่องจากสังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ต้องเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนระบบและนโยบายการศึกษาของชาติอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เช่น จีนประสบปัญหานักศึกษาอาชีวศึกษาเรียนจบแล้วทำงานไม่เป็นเหมือนไทย แต่จีนมุ่งผลิตนักศึกษาอาชีวศึกษาให้ออกมาตรงตามที่สถานประกอบการต้องการ ขณะที่ไทยติดเรื่องทำอย่างไรให้คนเข้าเรียนอาชีวศึกษาให้มากขึ้น ดังนั้น อาชีวศึกษาควรทำมาตรฐานกลางวิชาชีพเพื่อให้นักศึกษาจบออกมาเป็นช่างฝีมือที่มีคุณภาพ
องคมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนจุดแตกหักของการปฏิรูปการศึกษาในช่วงเวลา 2552-2560 คือเรื่องคุณภาพการศึกษา ที่ต้องเพิ่มการศึกษาทุกประเภททุกระดับ ต้องคำนึงถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และการศึกษาสร้างอุปนิสัยคนในชาติที่ต้องการ รวมทั้งควรกำหนดว่าจะสร้างนิสัยพลเมืองไทยอย่างไร คุณลักษณะเก่ง ดี มีสุขเป็นอย่างไร เห็นว่าอุปนิสัยสำคัญที่ต้องสร้างคือ การสร้างนักเรียนที่มีความดี ยึดความถูกต้องชอบธรรมเพื่อให้เป็นนิสัยที่ติดตัวคนไทย
“เรื่องสำคัญที่สุดของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา คือ ครู ต้องหาคนที่เหมาะสมมาเป็นครู โดยหลักสูตรผลิตครู ควรยกเลิกระบบผลิตครูเอกปฐมวัย เอกประถมศึกษา แต่เปลี่ยนเป็นเอกภาษาไทย เอกคอมพิวเตอร์ตามวิชาแทน เพื่อให้มีครูที่เก่งเฉพาะวิชา ไม่ใช่ครูคนเดียวสามารถสอนทุกวิชาเหมือนอดีตที่ผ่านมา ซึ่งหลักสูตรการผลิตครูควรเรียน 6 ปีเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในวิชาที่ศึกษา จบออกมาแล้วได้รับเงินเดือนเช่นเดียวกับแพทย์ นอกจากนี้ ต้องพัฒนาครูประจำการให้ดีและเก่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นครูเทวดา แต่ระบบพัฒนาครูปัจจุบันไม่ได้ให้การพัฒนาที่เป็นเรื่องเป็นราว ครูเสียเวลากับการเขียนผลงานวิชาการขอตำแหน่งให้ตนเอง ทำให้ไม่มีเวลาสอนหนังสือ ซึ่งการพัฒนาครูก็ต้องรับฟังเสียงจากครูทั่วประเทศด้วย”ศ.น.พ.เกษม กล่าว
องคมนตรี กล่าวต่อไปว่า อยากเสนอให้ผู้บริหาร ศธ.เข้าไปดูเรื่องการศึกษาชายแดนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จย่าทรงออกแบบไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาเรื่องการจัดการศึกษาในพื้นที่ชายแดนไม่อยู่ในความคิดของผู้บริหารการศึกษาเท่าไหร่ ขอให้เปลี่ยนการดูงานต่างประเทศไปเป็นดูงานพื้นที่ชายแดนไทย เพื่อนำสิ่งที่ได้ไปพบเห็นมาปรับเรื่องการศึกษาซึ่งจะช่วยเรื่องความมั่นคงของชาติได้ดีที่สุด
“สิ่งสำคัญคือเรื่องงบประมาณด้านการศึกษา ที่ผ่านมางบการศึกษาที่ได้รับมามีฉ้อราษฎร์บังหลวงไปเท่าไหร่ เหลือสำหรับการพัฒนาการศึกษาเท่าไหร่ เพราะมีการกินกันทุกจุด ทำให้ระบบการศึกษาไปไม่รอด ดังนั้น ต้องพัฒนาระบบให้เป็นระบบธรรมาภิบาลปฏิบัติให้ลงไปสู่ทุกภาคส่วนของระบบการศึกษา ผมอยากให้มีป้ายทุกโรงเรียนว่าเขตปลอดการฉ้อราษฎร์บังหลวงด้วยซ้ำ และฝากผู้บริหารองค์กรหลักทั้ง 5แท่งขอให้เอาจริงกับการลงโทษครูที่ทุจริตคอรัปชั่น หากต้องเอาออกก็ขอให้เอาออก และให้กำหนดบทลงโทษให้หนักสำหรับเรื่องนี้ แล้วไปเพิ่มเรื่องคุณธรรม เพื่อให้งบประมาณลงไปถึงระบบการศึกษาอย่างแท้จริง”ศ.น.พ.เกษมกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น