วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

'ชำนาญ'ลุ้นป.ป.ช.ฟันสมชายหลุดนายกฯ


รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 เผยลุ้นคำวินิจฉัย ป.ป.ช. ชี้หากตัดสิน "สมชาย" ผิดต้องพ้นจากนายกฯ ทันที เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (6) แนะให้ถือโอกาสนี้ลงจากตำแหน่งนายกฯ สร้างบรรทัดฐานให้ชาวโลกเห็นว่าไทยตั้งใจปราบคอร์รัปชัน


นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 กล่าวถึงการชี้มูลความผิดในคดีที่เขาได้ร้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการทุจริตเรื่องการขายทอดตลาดในกรมบังคับคดี แต่สุดท้ายโดนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และเสนอให้ไล่นายชำนาญ ออกจากราชการด้วย ซึ่งถือเป็นความผิดฐานเป็นข้าราชการละเว้นหน้าที่ปราบปรามการทุจริตในวงราชการ ว่า ถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ต้องพ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี


รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ซึ่งเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้ กล่าวด้วยว่า คดีนี้ความผิดไม่ใช่แค่ความผิดทางอาญา แต่ยังเป็นความผิดวินัย โทษฐานที่เป็นข้าราชการละเว้นไม่ปราบปรามทุจริต ผิดวินัยร้ายแรง ประพฤติผิดทุจริตต่อหน้าที่ ผลของมันคือจะไปไกลกว่านั้น เมื่อคุณสมชาย เป็นนักการเมือง เป็น ส.ส.และเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วโดนตัดสินโทษประพฤติผิดวินัยร้ายแรง จะทำให้นายสมชาย ขาดคุณสมบัติ การเป็น ส.ส.


"ผมจะรอชี้แจงรายละเอียดหลัง ป.ป.ช.ชี้มูล คุณสมชาย จะขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (6) ที่ผู้สมัคร ส.ส.ต้องไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบในวงราชการ เมื่อเข้าลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส. ย่อมจะเข้าลักษณะต้องห้ามการเป็นนายกฯ จะทำให้นายสมชาย ต้องพ้นจากความเป็นนายกฯ เพราะขาดคุณสมบัติ"
นายชำนาญ กล่าวตอบข้อถามที่ว่านักการเมืองไทยมักไม่มีคุณธรรมและจริยธรรมว่า คดีนี้จะเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่นายกฯ โดนชี้มูลความผิดฐานละเว้นไม่ปราบปรามการทุจริต ซึ่งเท่ากับผิดวินัยร้ายแรง เป็นการทุจริตต่อหน้าที่โดยความผิดนี้ มีโทษสองประการ เท่านั้น คือ ไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมชาย บอกว่าพ้นจากตำแหน่งราชการมาแล้วการชี้มูลความผิดจะโยงไม่ถึงตำแหน่งปัจจุบันคือตำแหน่งนายกฯ นายชำนาญ กล่าวว่า กรณีนี้มีผลย้อนหลัง แม้นายสมชาย จะลาออกจากราชการตั้งแต่ปี 2549 แต่คดีนี้มีการกล่าวหา และ ป.ป.ช.รับไว้พิจารณา ก่อนที่นายสมชาย จะลาออกจากราชการ การชี้มูลครั้งนี้จึงมีผลย้อนไปตั้งแต่นายสมชาย ยังอยู่ในหน้าที่ราชการ


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมชาย ไม่ยอมพักปฏิบัติหน้าที่จะต้องยื่นตีความหรือไม่ รองประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 7 กล่าวว่า เรื่องนี้ตรงไปตรงมา ตามกฎหมาย ไม่ต้องให้ใครตีความ


"คุณสมชาย น่าจะดีใจเพราะเป็นทางลงให้คุณสมชาย ที่ต้องพ้นจากการเป็นนายกฯ จากข้อหานี้ ควรภูมิใจว่าเป็นนายกฯ คนแรกของโลกที่โดนดำเนินคดีฐานไม่ปราบปรามทุจริต ยิ่งทุกวันนี้เราพูดเรื่องคอร์รัปชันในวงราชการ นายกฯ ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างให้กับคนทั้งโลก ว่าไทยปราบปรามอย่างแท้จริง"

ไม่มีความคิดเห็น: